You Don’t Have to Say You Love Me
You Don’t Have to Say You Love Me คุณไม่จำเป็นต้องพูดว่าคุณรักฉันDusty Springfieldแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์When I said I needed you You said you would always stay It wasn't me who changed but you And now you've gone awayเมื่อฉันพูดว่า ฉันต้องการคุณคุณพูดว่าคุณจะอยู่กับฉันเสมอมันไม่ใช่ฉันนะที่เปลี่ยน แต่ว่าเป็นคุณและตอนนี้คุณได้จากฉันไปแล้วDon't you see That now you've gone And I'm left here on my own That I have to follow you And beg you to come home?เห็นไหมล่ะว่าตอนนี้คุณได้จากฉันไปแล้วและฉันถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังว่าฉันต้องติดตามคุณและอ้อนวอนให้คุณกลับบ้านYou don't have to say you love me Just be close at hand You don't have to stay forever I will understand Believe me, believe me I can't help but love you But believe me I'll never tie you downคุณไม่จำเป็นต้องพูดว่าคุณรักฉันเพียงแต่ขอให้อยู่ใกล้ๆที่จะเอื้อมมือถึงได้คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันชั่วนิรันดร์ฉันจะเข้าใจเชื่อฉัน เชื่อฉันนะฉันอดไม่ได้นอกจากจะรักคุณแต่เชื่อฉันฉันจะไม่ผูกมัดคุณไว้หรอกLeft alone with just a memory Life seems dead and so unreal All that's left is loneliness There's nothing left to feelละทิ้งไว้เพียงความทรงจำเท่านั้นชีวิตดูเหมือนไร้วิญญาณ และไม่เป็นความจริงสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมดคือความโดดเดี่ยวไม่มีอะไรเหลือให้มีความรู้สึกเลยYou don't have to say you love me Just be close at hand You don't have to stay forever I will understand Believe me, believe meคุณไม่จำเป็นต้องพูดว่าคุณรักฉันเพียงแต่ขอให้อยู่ใกล้ๆที่จะเอื้อมมือถึงได้คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันชั่วนิรันดร์ฉันจะเข้าใจเชื่อฉัน เชื่อฉันนะYou don't have to say you love me Just be close at hand You don't have to stay forever I will understand Believe me, believe me, believe meคุณไม่จำเป็นต้องพูดว่าคุณรักฉันเพียงแต่ขอให้อยู่ใกล้ๆที่จะเอื้อมมือถึงได้คุณไม่จำเป็นต้องอยู่กับฉันชั่วนิรันดร์ฉันจะเข้าใจเชื่อฉัน เชื่อฉันนะVocabulary Itemsbeg (v) = ขอร้องbelieve (v) = เชื่อchange (v) = เปลี่ยนแปลงforever (adv) = ชั่วนิรันดร์have to (v) = ต้อง จำเป็นloneliness (n) = ความโดดเดี่ยวmemory (n) = ความทรงจำneed (v) = จำเป็น ต้องการtie down (v) = ผูกมัด จำกัดเสรีภาพto be left alone (v) = ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังunreal (adj) = ไม่เป็นจริงExpressionsAll that's left is loneliness.Just be close at hand.You don't have to say you love me.Don't you see?I'm left here on my own.I can't help but love you.GrammarSimple Present Tenseปัจจุบันกาลธรรมดา เพื่อใช้บ่งบอกว่า เหตุการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปกติวิสัยในขณะที่พูด หรือเกิดขึ้นบ่อยๆเป็นประจำ เช่นI have to follow you.I beg you to come home.I can't help but love you Present Perfect Tenseปัจจุบันกาลสมบูรณ์ เพื่อใช้บ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แล้วยังเกิดติดต่อกันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน เช่นAnd now you have gone away.Simple Past Tenseอดีตกาลธรรมดา เพื่อใช้บ่งบอกว่า เหตุการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดแล้ว เช่นIt wasn't me who changed but you. Simple Future Tense (อนาคตกาลธรรมดา เพื่อบ่งบอกว่าเหตุการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น >I will never tie you down.I will understand.Passive Voiceกรรมวาจกคือการเปลี่ยนไปเน้นที่ผู้ถูกกระทำ และอาจละ ไม่กล่าวถึง ผู้กระทำกริยาไว้ในฐานที่เข้าใจ เช่นLeft alone with just a memory = I am left alone with just a memory by you. >And I'm left here on my own (by you).
19 พฤษภาคม 2563     |      250
With Pen in Hand
With Pen in Hand (ด้วยปากกาในมือBobby Goldsboroแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์With pen in hand you sign your name Today at five I'll be on that train And you'll be free and I will be alone So aloneด้วยปากกาในมือ คุณก็เซ็นชื่อของคุณวันนี้ เวลา 5 โมงผมจะขึ้นรถไฟขบวนนั้นและคุณจะเป็นอิสระ และผมก็จะอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวอ้างว้างมากIf you think we can't find the love we once knew If you think I can't make everything up to you Then I'll be gone and you'll be on your own You'll be on your ownถ้าคุณคิดว่า คุณไม่สามารถจะหาความรักอย่างที่เราทั้งคู่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักได้ถ้าคุณคิดว่า ผมไม่สามารถจะหาสิ่งทดแทนทุกอย่างให้คุณได้แล้ว ผมก็จะจากไปและคุณก็จะอยู่ตามลำพังคุณก็จะอยู่ตามลำพังCan you take good care of Johnny Can you take him to school everyday Can you teach him how to catch a fish And keep all those bullies away, hear what I sayคุณสามารถที่จะดูแลลูกจอห์นนี่ได้เป็นอย่างดีไหมคุณสามารถพาลูกไปโรงเรียนทุกวันได้ไหมคุณสามารถสอนให้เขาจับปลาได้ไหมและจงหาทางให้คนพาลทุกคนไปไกลๆจากลูก ฟังสิ่งที่ผมพูดนะCan you teach him how to whistle a tune Can you tell him about the man in the moon If you can do these things then maybe he won't miss me Maybe he won't miss meคุณสามารถสอนให้ลูกทำเสียงเป่าปากได้ไหมคุณสามารถเล่าเรื่องคนในดวงจันทร์ได้ไหมถ้าคุณสามารถทำทุกอย่างเหล่านี้ได้ แล้วละก้อเขาอาจจะไม่คิดถึงผมเขาอาจจะไม่คิดถึงผมAnd tonight as you lay in that big lonely bed Can you look at the pillow where I laid my head With your heart on fire will you have no desire To kiss me and to hold meและคืนนี้ ขณะที่คุณนอนที่เตียงใหญ่ที่เปล่าเปลี่ยวคุณสามารถที่จะมองดูหมอนที่ผมหนุนนอนหนอนได้ไหมด้วยดวงใจที่มีแรงเสน่หาของคุณ คุณจะไม่มีความต้องการที่จะจูบผม และกอดผมหรือAnd if you can forget the good times we had If you think that the good times won't outweigh the bad Then sign your name and I'll be on my way I'll be on my wayและถ้าคุณสามารถลืมสิ่งดีๆที่เรามีอยู่ด้วยกันได้ถ้าคุณคิดว่า สิ่งดีๆไม่มีมากกว่าสิ่งเลวร้ายอย่างนั้นละก็ จงเซ็นชื่อของคุณ และผมก็จะไปตามทางของผมผมจะไปตามทางของผมVocabulary Itemsalone (adj) = โดดเดี่ยว เดียวดาย อยู่คนเดียวbully (n) = คนที่ชอบรังแกผู้อื่น คนอันธพาลdesire (n) = ความใคร่ ความปรารถนา ความต้องการkeep away (v) = เอาไปให้ห่าง lonely (adj) = รู้สึกโดดเดี่ยวmake up (v) = ชดเชย ทดแทนoutweigh (v) = มีมากกว่าpillow (n) = หมอนsign (v) = ลงชื่อtake care (v) = ดูแล รักษา ปกป้องwhistle (n) = เสียงนกหวีดExpressionsYou’ll be on your own.= คุณจะอยู่ตามลำพังCan you take good care of Johnny? = คุณสามารถดูและ Johnny ได้ดีไหมI’ll be on my way. = ผมจะไปตามทางของผมGrammarSimple Present Tenseปัจจุบันกาลธรรมดา เพื่อใช้บ่งบอกว่า เหตุการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปกติวิสัยในขณะที่พูด หรือเกิดขึ้นบ่อยๆเป็นประจำ เช่นIf you think I can't make everything up to youCan you take good care of Johnny?Can you take him to school everyday?Can you teach him how to catch a fish?Simple Future Tenseอนาคตกาลธรรมดา เพื่อบ่งบอกว่าเหตุการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นYou'll be free and I will be alone.Then I'll be gone and you'll be on your own.Type 2 Conditional Sentence (Possible Present Condition) เงื่อนไขที่เป็นไปได้ในปัจจุบันสำหรับเหตุการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้น โครงสร้างประโยคคือIf + Simple Present Tense, + Simple Future Tenseเช่นIf you can do these things, he won't miss me.If I can't make everything up to you, I'll be gone and you'll be on your own.
19 พฤษภาคม 2563     |      363
Wishing It Was You
Wishing It Was You (อยากให้เป็นคุณConnie Francisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Tomorrow when I'm walking down the aisle I'll try to hide my heartache with a smile 'Cause when I look at him and say "I do" In my heart, I'll be wishing it was youพรุ่งนี้เมื่อฉันผ่านเข้าไปในซอยฉันจะพยายามซ่อนหัวใจที่เจ็บปวดไว้ด้วยการยิ้มเพราะว่าเมื่อฉันมองดูที่เขาและพูดว่าฉันยอมรับในหัวใจของฉัน ฉันอยากให้มันเป็นคุณTomorrow when you see me pass you by Thank you for using Top40db. Com Just turn your head so you won't see me cry And just remember when I say "I do" In my heart, I'll be wishing it was youพรุ่งนี้เมื่อคุฯเห็นฉันเดินผ่านคุณขอบคุณที่ใช้ Website Top40db เพื่อฟังเพลงเพียงแต่หันหน้าหนีเพื่อว่าคุณจะได้ไม่เห็นฉันร้องไห้และจงจำไว้ว่าเมื่อฉันพูดว่า ฉันยอมรับในหัวใจของฉัน ฉันอยากให้มันเป็นคุณYou listened when they said I cheated And you listened when they said I lied Yes, you listened to all of their stories But you didn't listen to my sideคุณฟังเมื่อคนอื่นเขาพูดว่าฉันหลอกลวงและคุณฟังเมื่อคนอื่นเขาพูดว่าฉันโกหกใช่แล้ว คุณฟังเรื่องราวต่างๆของพวกเขาแต่คุณไม่ฟังความข้างฉันเลยSo tomorrow when the chapel bells begin I'll have to think of you as just a friend But when I say those precious words, "I do" In my heart, I'll be wishing it was youดังนั้น พรุ่งนี้เมื่อระฆังที่โบสถ์ดังขึ้นฉันจะคิดถึงคุณในฐานะเพียงเป็นเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นแต่เมื่อฉันพูดถ้อยคำที่มีคุณค่าเหล่านั้นที่ว่า ฉันยอมรับในหัวใจของฉัน ฉันอยากให้มันเป็นคุณIn my heart (in my heart) I'll be wishing (I'll be wishing) It was youในหัวใจของฉัน (ในหัวใจของฉันฉันอยากให้ (ฉันอยากให้มันเป็นคุณVocabulary Itemsaisle (n) = ทางเดินหรือตรอกแคบๆ เช่น ทางเดินในโบสถ์ หรือในเครื่องบิน เป็นต้น chapel (n) = โบสถ์cheate (v) = หลอกลวงheartache (n) = อาการปวดใจhide (v) = แอบซ่อนlie (v) = โกหกlisten to my side (v) = ฟังความข้างฝ่ายฉันlook at (v) = มองที่pass by (v) = เดินผ่านprecious (adj) = มีคุณค่ามาก มีราคาแพงมาก มีความสำคัญมากsay I do = พูดว่าฉันยอมรับ เป็นคำกล่าวสัญญาต่อหน้าบาทหลวงในโบสถ์เวลาหนุ่มสาวแต่งงานกันthink of (v) = คิดถึงturn someone’s head (v) = หันหน้าหนีwalk down (v) = เดินไปตามwish (v) = ปรารถนา
19 พฤษภาคม 2563     |      319
Wind Beneath My Wings
Wind Beneath My Wings ลมใต้ปีกของฉันBette Midlerแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Ohhhh, oh, oh, oh, ohhh. It must have been cold there in my shadow, To never have sunlight on your face. You were content to let me shine, that's your way. You always walked a step behind.โอ้ว….โอ้โอ้โอ้โอ้วที่ใต้ร่มไม้นั้นมันคงจะหนาวมานานแล้วตรงที่มันไม่เคยมีแสงแดดบนใบหน้าของคุณคุณพึงพอใจที่จะอนุญาตให้ฉันส่องแสง นั่นคือวิธีการของคุณคุณเดินตามหลังฉันก้าวหนึ่งเสมอSo I was the one with all the glory, While you were the one with all the strength. A beautiful face without a name for so long. A beautiful smile to hide the pain.ดังนั้น ฉันคือผู้ที่มีความเจิดจรัสทั้งมวลในขณะที่คุณคือผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งทั้งหมดใบหน้าที่สวยงามปราศจากชื่อเสียงมาแสนนานรอยยิ้มที่สวยงามเพื่อปิดบังความเจ็บปวดDid you ever know that you're my hero, And everything I would like to be? I can fly higher than an eagle, For you are the wind beneath my wings.คุณเคยรู้ไหมว่าคุณคือวีรบุรุษของฉันและคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันอยากจะเป็นฉันสามารบินได้สูงกว่านกอินทรีเพราะคุณคือลมใต้ปีกของฉันIt might have appeared to go unnoticed, But I've got it all here in my heart. I want you to know I know the truth, of course I know it. I would be nothing without you.มันอาจจะดูเหมือนว่าสิ่งนี้ดำเนินไปโดยไม่ได้ทันสังเกตุแต่ฉันมีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอยู่ที่นี่ในหัวใจฉันฉันต้องการให้คุณรู้ว่าฉันรู้ความจริง แน่ล่ะ ฉันรู้จักมันฉันคงเป็นคนไร้ค่าหากไม่มีคุณDid you ever know that you're my hero? You're everything I wish I could be. I could fly higher than an eagle, For you are the wind beneath my wings.คุณเคยรู้ไหมว่าคุณคือวีรบุรุษของฉันและคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันปราถนาจะเป็นฉันสามารบินได้สูงกว่านกอินทรีเพราะคุณคือลมใต้ปีกของฉันDid I ever tell you you're my hero? You're everything, everything I wish I could be. Oh, and I, I could fly higher than an eagle, For you are the wind beneath my wings, 'cause you are the wind beneath my wings.ฉันเคยบอกคุณไหมว่าคุณคือวีรบุรุษของฉันคุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันปราถนาจะเป็นโอ้..และฉันสามารบินได้สูงกว่านกอินทรีเพราะคุณคือลมใต้ปีกของฉันเพราะว่าคุณคือลมใต้ปีกของฉันOh, the wind beneath my wings. You, you, you, you are the wind beneath my wings. Fly, fly, fly away. You let me fly so high. Oh, you, you, you, the wind beneath my wings. Oh, you, you, you, the wind beneath my wings.โอ้…ลมใต้ปีกของฉันคุณ..คุณคุณคือลมใต้ปีกของฉันบิน..บินบินหนีไป คุณปล่อยให้ฉันบินสูงมากโอ้..คุณคุณคุณคือลมใต้ปีกของฉันโอ้..คุณคุณคุณคือลมใต้ปีกของฉันFly, fly, fly high against the sky, So high I almost touch the sky. Thank you, thank you, Thank God for you, the wind beneath my wings.บิน..บินบิน สูงเสียดฟ้าสูงมากจนกระทั่งฉันเกือบจะสัมผัสแผ่นฟ้าขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าแทนคุณที่เป็นลมใต้ปีกของฉันVocabulary Itemsalmost (adv) = เกือบจะappear (v) = ปรากฏขึ้น เกิดขึ้นbehind (prep) = ข้างหลัง เบื้องหลังbeneath (prep) = ภายใต้ ข้างใต้cold (adj) = หนาวเย็นcontent (n) = ความพึงพอใจeagle (n) = นักอินทรีglory (n) = ความเจิดจรัส ความรุ่งเรืองhero (n) = วีรบุรุษhide (v) = ซ่อนเร้นpain (n) = ความเจ็บปวดshadow (n) = เงา ร่มเงาshine (v) = ส่งแสงsky (n) = ท้องฟ้าstep (n) = ก้าวstrength (n) = ความแข็งแกร่งtouch (v) = สัมผัส truth (n) = ความจริงunnoticed (v) = ไม่สังเกต wing (n) = ปีกนก ปีกExpressionsThat’s your way. = นั่นเป็นวิธีการของคุณThe wind beneath my wings. = ลมใต้ปีกของฉัน ผู้อุปถัมภ์ค้ำชูฉัน ผู้ที่คอยสนับสนุนฉันอยู่เสมอI could fly higher than an eagle. = ฉันสามารถบินได้สูงกว่านกอินทรี
19 พฤษภาคม 2563     |      4005
Will You Still Love Me Tomorrow?
Will You Still Love Me Tomorrow? (คุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหมLoboแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Tonight you're mine, completely You give your love so sweetly Tonight the light of love is in your eyes But will you still love me tomorrowคืนนี้คุณเป็นของผมอย่างสมบูรณ์            คุณให้ความรักของคุณได้อย่างงแสนหวานชื่น            คืนนี้แสงแห่งความรักอยู่ในดวงตาของคุณ            แต่ว่าคุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหมIs this a lasting treasure Or just a moment's pleasure Can I believe the magic of your sighs Will you still love me tomorrowนี่คือสมบัติที่ยืนยาวหรือเปล่า            หรือเป็นเพียงแต่ความสุขหรรษาชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น            ผมสามารถเชื่อในการถอนหายใจที่น่ามหัศจรรย์ของคุณได้ไหม            คุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหมTonight with words unspoken You said that I'm the only one, the only one But will my heart be broken When the night meets the morning sun I'd like to know that your love Is a love I can be sure ofคืนนี้ ด้วยถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมา            คุณพูดว่า ผมเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น เพียงคนเดียวเท่านั้น            แต่ หัวใจผมจะแตกสะลายไหม            เมื่อกลางคืนพบกับดวงอาทิตย์ในตอนเช้า            ผมอยากจะรู้ว่าความรักของคุณ            เป็นความรักที่ผมเชื่อใจได้ไหมSo tell me now, 'cause I won't ask again Will you still love me tomorrow Will you still love me tomorrow Will you still love me tomorrowดังนั้น โปรดบอกผมตอนนี้ เพราะว่าผมจะไม่ถามคุณอีก            คุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหม            คุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหม            คุณยังคงรักผมในวันพรุ่งนี้ไหมVocabulary Itemsa moment's pleasure = ความสุขหรรษาชั่วคราว'cause = becausecompletely (adv) = อย่างสมบูรณ์lasting (adj) = ยืนยาว ยาวนาน ยั่งยืนmagic (n) = ความมหัสศจรรย์ ความวิเศษmine (adj) = ของผม ของฉันsigh (n) = การถอนหายใจsure of (adj) = แน่ใจsweetly (adv) = อย่างอ่อนหวาน อย่างหวานชื่นto be broken = ถูกทำให้แตกสะลายtreasure (n) = ทรัพย์สมบัติwords unspoken = ถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมา
19 พฤษภาคม 2563     |      1876
Where Have All The Flowers Gone
Where Have All The Flowers Gone ดอกไม้หายไปไหนหมดThe Kingston Trioแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Where have all the flowers gone Long time passing Where have all the flowers gone Long time ago Where have all the flowers gone Young girls picked them, every one When will they ever learn? When will they ever learn?ดอกไม้หายไปไหนหมดในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?ดอกไม้หายไปไหนหมดในอดีตอันยาวนานที่ผ่านไปแล้ว?ดอกไม้หายไปไหนหมดหญิงสาวเก็บดอกไม้ไปหมด ทุกๆดอกเมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Where have all the young girls gone Long time passing Where have all the young girls gone Long time ago Where have all the young girls gone Gone to young men, every one When will they ever learn? When will they ever learn?หญิงสาวหายไปไหนหมดในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?หญิงสาวหายไปไหนหมดในอดีตอันยาวนานที่ผ่านไปแล้ว?หญิงสาวหายไปไหนหมดหญิงสาวหายไปกับชายหนุ่ม ทุกๆคนเมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Where have all the young men gone Long time passing Where have all the young men gone Long time ago Where have all the young men gone Gone to soldiers, every one When will they ever learn? When will they ever learn?ชายหนุ่มหายไปไหนหมดในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?ชายหนุ่มหายไปไหนหมดในอดีตอันยาวนานที่ผ่านไปแล้ว?ชายหนุ่มหายไปไหนหมดหายไปเป็นทหาร ทุกๆคนเมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Where have all the soldiers gone Long time passing Where have all the soldiers gone A long, long time ago Where have all the soldiers gone Gone to graveyards, every one When will they ever learn? When will they ever learn?ทหารหายไปไหนหมดในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?ทหารหายไปไหนหมดในอดีตอันยาวนานมากที่ผ่านไปแล้ว?ทหารหายไปไหนหมดหายไปที่หลุมฝังศพ ทุกๆคนเมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Where have all the graveyards gone Long time passing Where have all the graveyards gone Long time ago Where have all the graveyards gone Gone to flowers, every one When will they ever learn? When will they ever learn?หลุมฝักศพหายไปไหนหมดในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?หลุมฝังศพหายไปไหนหมดในอดีตอันยาวนานที่ผ่านไปแล้ว?หลุมฝังศพหายไปไหนหมดหายไปเป็นดอกไม้ ทุกๆหลุมเมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Vocabulary Itemsflower (n) = ดอกไม้graveyard (n) = หลุมฝังศพLong time passing = ในระยะเวลายาวนานที่กำลังผ่านไป?pick (v) = เก็บ เด็ด ตัดsoldier (n) = ทหารWhen will they ever learn? = เมื่อไหร่พวกเขาจะเรียนรู้เสียที?Where have all the flowers gone? = ดอกไม้ทั้งหลายหายไปไหนหมด?young girl (n) = หญิงสาวyoung man (n) = ชายหนุ่ม
19 พฤษภาคม 2563     |      898
When I'm Sixty Four
When I'm Sixty Fourเมื่อผมอายุ 64 ปีThe Beatlesแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์When I get older losing my hair Many years from now Will you still be sending me a valentine Birthday greetings, bottle of wine? If I'd been out till quarter to three Would you lock the door? Will you still need me, will you still feed me When I'm sixty-four?เมื่อผมแก่ขึ้นและผมล่วงอีกหลายปีจากนี้ไปคุณจะยังคงส่งดอกไม้วันวาเลนไทน์บัตรอวยพรวันเกิด และไวน์ให้ผมไหม?ถ้าผมไปเที่ยวข้างนอกจนกระทั่งถึงตีสองสี่สิบห้าคุณจะปิดประตูไหม?คุณยังต้องการผม คุณยังจะเลี้ยงดูผมเมื่อผมอายุ 64 ปีไหม?You'll be older too And if you say the word I could stay with youคุณก็จะแก่ด้วยเหมือนกันและถ้าคุณบอกผมสักคำผมก็จะอยู่กับคุณI could be handy, mending a fuse When your lights have gone You can knit a sweater by the fireside Sunday mornings go for a ride Doing the garden, digging the weeds Who could ask for more? Will you still need me, will you still feed me When I'm sixty-four?ผมคงจะช่วยเหลือคุณทำงานเล็กๆน้อยได้ เปลี่ยนฟิวส์หลอดไฟได้เมื่อหลอดไฟของคุณขาดคุณสามารถที่จะถักเสื้อกันหนาวข้างๆเตาผังไฟได้วันอาทิตย์ก็ออกไปนั่งรถเล่นได้ทำงานสวน ขุดหญ้ากำจัดวัชพืชได้ใครจะขอคุณมากกว่านี้?คุณยังต้องการผม คุณยังจะเลี้ยงดูผมเมื่อผมอายุ 64 ปีไหม?Every summer we can rent a cottage in the Isle of WightIf it's not too dear We shall scrimp and save Grandchildren on your knee Vera, Chuck & Daveทุกฤดูร้อน เราก็เช่ากระท่อมที่เกาะไว้ท์ถ้ามันไม่แพงจนเกินไปเราจะประหยัดและมัธยัสถ์คุณก็มีหลานๆอยู่บนตักวีรา ชัค และเดฟSend me a postcard, drop me a line Stating point of view Indicate precisely what you mean to say Yours sincerely, wasting away Give me your answer, fill in a form Mine for ever more Will you still need me, will you still feed me When I'm sixty-four? Ho!ส่งไปรษณียบัตรถึงผมสักใบ เขียนข้อความสักบรรทัดซิบอกความเห็นของคุณระบุให้ชัดเจนเลยว่าคุณอยากจะพูดว่าอย่างไรคำว่าด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ต้องเขียนให้คำตอบแก่ผม  เขียนลงไปในแบบฟอร์มของผมเท่านั้นว่าคุณจะยังต้องการผม คุณจะยังเลี้ยงดูผมเมื่อผมอายุ 64 ปีหรือเปล่า?โฮ้...Vocabulary Itemsbirthday greeting (n) = บัตรอวยพรวันเกิดbottle (n) = ขวดcottage (n) = กระท่อมdig (v) = ขุดdrop me a line. = เขียนข้อความสั้นๆถึงฉันด้วยนะfeed (v) = ให้อาหาร เลี้ยงดูfuse (n) = สะพานไฟฟ้า ฟิวส์ไฟฟ้าgrandchildren (n) = หลานhandy (adj) = ใช้งานได้คล่องknee (n) = ตักlight (n) = หลอดไฟlock (v) = ปิดประตูบ้านlose (v) = สูญเสีย mend (v) = ซ่อมแซมneed (v) = ต้องการมากpostcard (n) = โพการ์ด ไปรษณียบัตรprecisely (adv) = อย่างแน่ชัด อย่างเจาะจงquarter to three = เวลาอีก 15 นาทีถึงตี 3rent (v) = เช่าscrimp (v) มัธยัสถ์sincerely (adv) = อย่างจริงใจstate your point of view. = ระบุความคิดเห็นของคุณvalentine (n) = วันวาเลนไทน์วันแห่งความรักwaste away = ไม่ต้องเขียน ลบทิ้งไปเลยweed (n) = วัชพืชwine (n) = เหล้าไวน์Isle of Wightเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอังกฤษ อยู่ใกล้ๆช่องแคบอังกฤษ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาตั้งแต่สมัย Victoria
19 พฤษภาคม 2563     |      1677
What Do You Feel In Your Heart
What Do You Feel In Your Heart (คุณรู้สึกอย่างไรในหัวใจคุณJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Can't run away from love if yo cannot feel Everything falls apart in a tragedy I am so far away from gone I just wanna be here Everyone forms apart in my symphonyไม่สามารถวิ่งหนีจากความรักได้ ถ้าคุณไม่มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงในโศกนาฏกรรมผมอยู่ห่างไกลมากจากการการสูญเสียผมเพียงแต่ต้องการอยู่ที่นี่ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีประสานเสียงของผม[1] Can you feel this in your heart Can you take it to your soul I don't want you to pretend I don't wanna' be aloneคุณสามารถรู้สึกเช่นนี้ได้ในหัวใจคุณหรือเปล่าคุณสามารถยอมรับมันเข้าสู่วิญญาณคุณได้หรือเปล่าผมไม่ต้องการให้คุณแสร้งทำผมไม่ต้องการอยู่ตามลำพังFeels like I'm torn apart And I cannot bleed Caught in the web you made This just can’t be real I am so far away from gone I just wanna be here Everyone falls apart in this tragedyรู้สึกเหมือนว่าผมถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆและเลือดผมไม่มีไหลติดกับในใยที่คุณสร้างขึ้นสิ่งนี้ไม่สามารถเป็นจริงได้ผมอยู่ห่างไกลมากจากการการสูญเสียผมเพียงแต่ต้องการอยู่ที่นี่ทุกคนแตกออกเป็นเสี่ยงๆในโศกนาฏกรรมครั้งนี้[1] x 2I don't wanna' be alone Everyday I'll live through this alone Inside I've changed Everyday I don't wanna' be aloneผมไม่ต้องการอยู่ตามลำพังทุกๆวันผมจะต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้ตามลำพังภายในใจผมเปลี่ยนไปทุกๆวัน ผมไม่ต้องการอยู่ตามลำพัง[1] x 2Inside I've changed Everyday I'll live through this Inside I've changed Everyday I'll live through this aloneภายในใจผมเปลี่ยนไปทุกๆวันผมจะต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้ภายในใจผมเปลี่ยนไปทุกๆวันผมจะต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้ตามลำพังI don't wanna' be alone I don't wanna' be aloneผมไม่ต้องการอยู่ตามลำพังผมไม่ต้องการอยู่ตามลำพังVocabulary Itemsbleed (v) = เลือดไหลcaught in the web = ถูกติดกับในใย ติดกับในร่างแหfall apart (v) = ตกแตกออกเป็นเสี่ยงๆform apart in my symphony = เป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีประสานเสียงของผม เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมlive through (v) = มีชีวิตอยู่ ผ่านอุปสรรคpretend (v) = แสร้งทำrun away (v) = วิ่งหนีso far away from gone =ห่างไกลมากจากการการสูญเสียtorn apart (pp) = ถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆtragedy (n) = โศกนาฏกรรมwanna (v) = want toYO is "Your" or "Hi" or "Years Old"
18 พฤษภาคม 2563     |      189
What A Wonderful World
What A Wonderful World (โลกช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้Louis Armstrongแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์I see trees of green, red roses too I see them bloom for me and you And I think to myself what a wonderful world.ผมเห็นต้นไม้สีเขียว และกุหลาบสีแดงด้วยผมเห็นมันออกดอกให้ผมและให้คุณและผมคิดกับตัวเองว่าโลกช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้I see skies of blue and clouds of white The bright blessed (beautified) the day, the dark sacred night And I think to myself what a wonderful world.ผมเห็นท้องฟ้าสีครามและก้อนเมฆสีขาวความสว่างทำให้กลางวันสดสวย และความมืดทำให้กลางคืนลึกลับและผมคิดกับตัวเองว่าโลกช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้The colors of the rainbow so pretty in the sky Are also on the faces of people going by I see friends shaking hands saying how do you do But they're really saying is I love you.สีของรุ้งสวยน่ารักมากในท้องฟ้าและสีบนใบหน้าของคนที่เดินผ่านไป-มากก็สวยน่ารักเช่นกันผมเห็นเพื่อนสัมผัสมือกันและกล่าวทักทายกันแต่ว่าสิ่งที่เขาพูดกันจริงๆก็คือ ผมรักคุณนะI hear baby's crying and I watched them grow They'll learn much more than I'll ever know  And I think to myself what a wonderful world. Yes, I think to myself what a wonderful world.ผมได้ยินเสียงเด็กกำลังร้องไห้ และผมเฝ้าดูเขาเจริญเติบโตพวกเขาจะเรียนรู้มากกว่าที่ผมเคยรู้อีกมากและผมคิดกับตัวเองว่าโลกช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ใช่แล้ว ผมคิดกับตัวเองว่าโลกช่างมหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ Vocabulary Itemsblessed (pp) = ทำให้สวยงามbloom (v) = ออกดอก ดอกไม้บานblue (n, adj) = สีน้ำเงิน น้ำเงินcolor (n) = สีcry (v) = ร้องไห้green (n, adj) = สีเขียว เขียวpretty (adj) = สวยน่ารักrainbow (n) = รุ้งกินน้ำred (n, adj) = สีแดง แดงrose (n) = ดอกกุหลาบsacred (adj) = ที่ลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวข้องกับศาสนาshake (v) = สั่น เขย่าwatch (v) = เฝ้ามองดูwhite (n,adj) = สีขาว ขาวwonderful (adj) = มหัศจรรย์ExpressionsThe bright blessed (beautified) the dayThe dark sacred the night.How do you do?GrammarExclamation Sentences (ประโยคอุทานเพื่อใช้บ่งบอกว่าผู้พูดแปลกใจหรือประหลาดใจ งง  สงสัย เช่นWhat a wonderful world (it is) ! = It is such a wonderful world!What a lovely lady (you are) !     = You are such a lovely lady!What is a bore! = It is such a boring day!How wonderful the world is! = It is such a wonderful world!How lovely you are! = You are such a lovely person!How boring it is! = It is such a boring day!
18 พฤษภาคม 2563     |      387
Welcome to My World
Welcome to My World (ยินดีต้อนรับสู่โลกของผมJim Reevesแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Welcome to my world. Welcome to my world Won't you come on in Miracles I guessยินดีต้อนรับสู่โลกของผมยินดีต้อนรับสู่โลกของผม            คุณจะไม่เข้ามาหรือ            ผมคาดการณ์ว่ามีเรื่องปฏิหารนะStill happen now and then Step into my heart Leave your cares behind Welcome to my worldที่ยังคงเกิดขึ้นบ่อยๆ            ก้าวเข้ามาสู่หัวใจผมซี            ละทิ้งความวิตกกังวลของคุณไว้เบื้องหลังเสียยินดีต้อนรับสู่โลกของผมBuilt with you in mind Knock and the door will open Seek and you will find Ask and you will be given The key to this world of mineโลกของผมสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงคุณ            เคาะและประตูจะเปิด            ถามแล้วคุณจะได้รับกุญแจเข้าสู่โลกนี้ของผมI'll be waiting here With my arms unfurled Waiting just for you Welcome to my worldผมจะเฝ้ารอคอยอยู่ที่นี่            พร้อมอ้อมกอดของผมที่เปิดกว้าง            เฝ้ารอคอยเพียงคุณเท่านั้นยินดีต้อนรับสู่โลกของผมVocabulary Itemsbehind (prep) = ภายหลัง ข้างหลังcare (n) = ความวิตกกังวลhappen (v) = เกิดขึ้น ปรากฏขึ้น บังเกิดขึ้นknock (v) = เคาะ เคาะประตูseek (v) = แสวงหา เสาะหาunfurl (v) = เปิดออก เปิดกว้างworld (n) = โลกExpressionsWelcome to my world/office/city/It happens now and then (on and off).Built with you in mind.I'll be waiting here/for youGrammarFuture Progressive Tense (อนาคตกาลกำลังดำเนินอยู่เช่นI'll be waiting here/for you.Present Possible Conditional Sentence (เงื่อนไขที่เป็นจริงได้ในปัจจุบันมีโครงสร้างเป็น (If + Simple Present, Simple future)Knock and the door will open = If you knock, the door will open.Seek and you will find = If you seek, you will find.Ask and you will be given = If you ask, you will be given.
18 พฤษภาคม 2563     |      1496
We Are Family
We Are Family เราเป็นครอบครัวSister Sledgeแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] We are family I got all my sisters with me We are family Get up everybody and singเราเป็นครอบครัวฉันมีพี่สาวทั้งหมดกับฉันเราเป็นครอบครัวทุกคนจงลุกขึ้นและร้องเพลง[1]Everyone can see we're together As we walk on by (Hey) and we fly just like birds of a feather I won't tell no lieทุกคนสามารถเห็นว่าเราอยู่ด้วยกันขณะที่เราเดินต่อไป(สวัสดี) และเราบินเหมือนนกชนิดเดียวกันฉันจะไม่พูดโกหก(ALL!) all of the people around us they say Can they be that close Just let me state for the record We're giving love in a family doseทั้งหมดทุกๆคนรอบตัวเราพวกเขาพูดว่าพวกเขาสามารถใกล้ชิดได้มากขนาดนั้นหรือขอให้ฉันเพียงแค่พูดเพื่อการบันทึกไว้เราให้ความรักกับครอบครัว[1] x 2Living life is fun and we've just begun To get our share of the world's delights (HIGH!) high hopes we have for the future And our goal's in sightชีวิตที่มีชีวิตชีวาสนุกและเราเพิ่งเริ่มต้นเพื่อให้เรามีส่วนร่วมในการทำให้โลกสดใสร่าเริงมีความสุขล้น!) ความหวังที่สูงส่งที่เรามีต่ออนาคตและเป้าหมายของเรามองเห็นได้(WE!) no we don't get depressed Because we are family No, we don't get depressed No, we don't get depressedพวกเราไม่นะ เราไม่รู้สึกหดหู่เพราะเราเป็นครอบครัวไม่ใช่เลย เราไม่รู้สึกหดหู่ไม่ใช่เลย เราไม่รู้สึกหดหู่Here's what we call our golden rule Have faith in you and the things you do You won't go wrong, oh no This is our family jewelนี่คือสิ่งที่เราเรียกว่ากฎทองของเรามีศรัทธาในตัวคุณและในสิ่งที่คุณทำคุณจะไม่ผิดพลาด โอ้...ไม่ผิดพลาดนี่คืออัญมณีสำหรับครอบครัวของเรา[1] x 3Vocabulary Itemsaround (adv, adj) = รอบๆbe in sight = มองเห็นได้bird (n) = นกclose (v) = ใกล้ชิด ปิดdelight (n) = ความยินดีปรีดาdepressed (pp) = รู้สึกหดหู่everyone (pro) = ทุกคน·        family (n) = ครอบครัวfeather (n) = ขนนกfly (v) = บิน โบยบินfun (adj, n) = สนุกสนาน ความสนุกสนานgoal (n) = เป้าหมายgolden rule (n) = กฎทอง กฎเกณฑ์ที่มีประโยชน์jewel (n) = เพชรพลอยlie (v) = โกหกrecord (v, n) = บันทึก การบันทึกshare (v) = แบ่งปัน·        sister (n) = พี่สาว หรือน้องสาวtogether (adj) = อยู่ด้วยกัน
18 พฤษภาคม 2563     |      583
Wednesday’s Child
Wednesday’s Child (เด็กวันพุธลูกคนกลางMatt Monroแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Wednesday's child is a child of woe. Wednesday's child cries alone, I know. When you smiled, just for me you smiled, For a while I forgot I was Wednesday's child.เด็กวันพุธคือเด็กที่มีปัญหา(หรือชอบก่อให้เกิดปัญหาเด็กวันพุธร้องไห้อยู่คนเดียว ฉันรู้เมื่อคุณยิ้ม จงยิ้มให้กับฉันเท่านั้นเพราะว่า ชั่วประเดี๋ยวเดียว ฉันก็ลืมแล้วว่าฉันเป็นเด็กวันพุธFriday's child wins at love, they say. In your arms Friday was my day. Now you're gone, well I should have known, I am Wednesday's child, born to be alone.เขาพูดกันว่า เด็กวันศุกร์ชนะเรื่องความรักในอ้อมกอดของคุณ วันศุกร์คือวันของฉันตอนนี้คุณได้จากฉันไปแล้ว อ้า ฉันควรจะรู้ก่อนหน้านี้นะฉันเป็นเด็กวันพุธ เกิดมาเพื่ออยู่คนเดียวNow you're gone, well I should have known, I am Wednesday's child, born to be alone.ตอนนี้คุณได้จากฉันไปแล้ว อ้า ฉันควรจะรู้ก่อนหน้านี้นะฉันเป็นเด็กวันพุธ เกิดมาเพื่ออยู่คนเดียว Wednesday's child, born to be alone.ฉันเป็นเด็กวันพุธ เกิดมาเพื่ออยู่คนเดียวเพลงนี้ส่วนหนึ่งนำมาจากโคลงกล่อมเด็กMonday's child is fair of face,Tuesday's child is full of grace,Wednesday's child is full of woe,Thursday's child has far to go,Friday's child is loving and giving,Saturday's child works hard for a living,But the child who is born on the Sabbath dayIs fair and wise and good in every way.Vocabulary Itemsalone (adj) = อยู่คนเดียว โดดเดี่ยวwin (v) = ชนะwoe (n) = ปัญหา ก่อให้เกิดปัญหาExpressionsWednesday's child is a child of woe.I should have known.Born to be alone.GrammarSimple Present Tenseปัจจุบันกาลธรรมดา เพื่อใช้บ่งบอกว่า เหตุการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปกติวิสัยในขณะที่พูด หรือเกิดขึ้นบ่อยๆเป็นประจำ เช่นWednesday's child is a child of woe.I am Wednesday's child.Simple Past Tenseอดีตกาลธรรมดา เพื่อใช้บ่งบอกว่า เหตุการณ์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดแล้ว เช่นFor a while I forgot I was Wednesday's child.And sometimes I whisper what I'm thinking of.Subjunctive Moodปริกัลบมาลาคือประโยคที่แสดงความต้องการ ความปรารถนา แนะนำ ตักเตือน เชิญชวน ขอร้อง หรือแสดงเงื่อนไขสมมติ ที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงโครงสร้างประโยคCould/would/might/should + simple verb in Present TenseCould/would/might/should + have + p.p. (past participle) verb in Past Tense เช่นI should have known. การกล่าวเปรียบเทียบ (Comparison)การพูดเปรียบเทียบในคำประพันธ์มี 2 ลักษณะคือ Simile (อุปมา) และ Metaphor (อุปลักษณ์) ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก คือเป็นการเปรียบเทียบเหมือนกันแต่มีข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือก. Simile (อุปมา) จะใช้คำว่า Like หรือ As ที่แปลว่า ราวกับว่า ดุจดั่งว่า ประดุจดั่งว่า เหมือนตัวอย่าง SimileHe ran as fast as the wind.                 เขาวิ่งไวราวกับลม My love is like a red, red rose.             รักของฉันเป็นดั่งกุหลาบแดงข. Metaphor (อุปลักษณ์) ไม่มีคำใช้โดยเฉพาะแต่จะเปรียบโดยตรงระหว่างสิ่งที่ต้องการเปรียบเทียบตัวอย่าง MetaphorWednesday's child is a child of woe. Waiting inside her eyes was my tomorrow. = My tomorrow was waiting inside of her eyes. วันพรุ่งนี้ของผมรออยู่ในดวงตาของเธอความฝันอนาคตของผมอยู่ในดวงตาของเธอ
18 พฤษภาคม 2563     |      1362
ทั้งหมด 42 หน้า