Morning Has Broken
Morning Has Brokenรุ่งอรุณแล้วCat Stevensแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Morning has broken, like the first morning Blackbird has spoken, like the first bird (นกเดินดงสีเทาดำ Praise for the singing, praise for the morning (delight สรรเสริญ ชื่นชม Praise for the springing fresh from the worldรุ่งอรุณแล้ว ดุจดั่งเช้าครั้งแรกนกเดินดงสีเทาดำส่งเสียงร้อง ดุจดั่งนกตัวแรกชื่นชมกับเสียงนกร้อง ชื่นชมกับตอนเช้าชื่นชมกับความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิจากโลกSweet the rain's new fall, sunlit from heaven Like the first dewfall, on the first grass Praise for the sweetness of the wet garden Sprung in completeness where his feet passความหวานของน้ำฝนที่ตกใหม่ ได้รับแสงอาทิตย์จากสรวงสวรรค์ดุจดั่งน้ำค้างหยดแรก อยู่บนยอดหญ้าต้นแรกชื่นชมกับความหวานของสวนที่เปียกชื้นที่หญ้าฟื้นคืนตัวได้ทั้งหมดเมื่อฝ่าเท้าของพระผู้เป็นเจ้าเดินผ่านไปMine is the sunlight, mine is the morning Born of the one light, Eden saw play Praise with elation, praise every morning God's recreation of the new dayแสงอาทิตย์เป็นของพระเจ้า ตอนเช้าเป็นของพระเจ้าเกิดขึ้นมาจากแสงสว่างหนึ่ง ซึ่งในสวนเอเดน (สวนสวรรค์เห็นเหมือนการละเล่นชื่นชมด้วยความปิติยินดี ชื่นชมกับทุกๆเช้าการรังสรรค์วันใหม่ของพระผู้เป็นเจ้าVocabulary Itemsblackbird (n) = นกเดินดงสีเทาดำdewfall (n) = หยดน้ำค้างelation (n) = ความปิติยินดีfresh (adj) = สด สดชื่น แจ่มใสheaven (n) = สรวงสวรรค์praise (v) = สรรเสริญ ชื่นชมspringing (n) = ฤดูใบไม้ผลิsprung in completeness = ฟื้นคืนตัวได้ทั้งหมดsunlight (n) = แสงอาทิตย์sunlit (adj) = ได้รับแสงอาทิตย์sweet (n, adj) = ความหอมหวาน หอมหวาน การกล่าวเปรียบเทียบ (Comparison)การพูดเปรียบเทียบในคำประพันธ์มี 2 ลักษณะคือ Simile (อุปมา) และ Metaphor (อุปลักษณ์) ซึ่งคล้ายคลึงกันมาก คือเป็นการเปรียบเทียบเหมือนกันแต่มีข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือก. Simile (อุปมา) จะใช้คำว่า Like หรือ As ที่แปลว่า ราวกับว่า ดุจดั่งว่า ประดุจดั่งว่า เหมือนตัวอย่าง Similelike the first morning.       ดุจดั่งเช้าครั้งแรก like the first bird.             ดุจดั่งนกตัวแรกLike the first dewfall, on the first grass.       ดุจดั่งน้ำค้างหยดแรก อยู่บนยอดหญ้าต้นแรกข. Metaphor (อุปลักษณ์) ไม่มีคำใช้โดยเฉพาะแต่จะเปรียบโดยตรงระหว่างสิ่งที่ต้องการเปรียบเทียบตัวอย่าง MetaphorLove is blind.Life was a song.
14 พฤษภาคม 2563     |      1962
Man Come into Egypt
Man Come into Egypt ชายผู้ซึ่งเข้ามาที่อียิปต์Peter Paul & Maryแปลโดย รศ.ดร.สุพัมน์  สุกมลสันต์There is a man come into Egypt, and Moses is his name When he saw the grief upon us, In his heart there burned a flame. In his heart there burned a flame Oh Lord, In his heart there burned a flame, When he saw the grief upon us, In his heart there burned a flame.มีชายคนหนึ่งเข้ามาที่อียิปต์ ชื่อของเขาคือโมเสสเมื่อเขาเห็นความทุกข์ที่เกิดกับเราในหัวใจของเขารุ่มร้อนดั่งสุมด้วยเปลวไฟในหัวใจของเขารุ่มร้อนดั่งสุมด้วยเปลวไฟ โอ้...พระผู้เป็นเจ้าในหัวใจของเขารุ่มร้อนดั่งสุมด้วยเปลวไฟเมื่อเขาเห็นความทุกข์ที่เกิดกับเราในหัวใจของเขารุ่มร้อนดั่งสุมด้วยเปลวไฟThere is a man come into Egypt, his eyes are full of light Like the sun come up in Egypt, come to drive away the night Come to drive away the night Oh Lord, Come to drive away the night. Like the sun come up in Egypt, come to drive away the night.มีชายคนหนึ่งเข้ามาที่อียิปต์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างเหมือนดั่งดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นที่อียิปต์ โผล่ขึ้นมาเพื่อขับไล่ความมืดโผล่ขึ้นมาเพื่อขับไล่ความมืด โอ้...พระผู้เป็นเจ้าโผล่ขึ้นมาเพื่อขับไล่ความมืดเหมือนดั่งดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นที่อียิปต์ โผล่ขึ้นมาเพื่อขับไล่ความมืดThere is a man come into Egypt, he's come for you and me. On his lips a word is singing, and the word is Liberty. And the word is Liberty, Oh, Lord; And the word is Liberty. On his lips a word is singing, and the word is Liberty.มีชายคนหนึ่งเข้ามาที่อียิปต์ เขามาเพื่อคุณและผมบนริมฝีปากของเขามีถ้อยคำที่พร่ำพูด และคำนั้นคือ เสรีภาพและคำนั้นคือ เสรีภาพ โอ้...พระผู้เป็นเจ้าและคำนั้นคือ เสรีภาพบนริมฝีปากของเขามีถ้อยคำที่พร่ำพูด และคำนั้นคือ เสรีภาพThere is a man come into Egypt to stir the souls of men (= to arouse, to mix something together) We will follow him to freedom, never wear those chains again Never wear those chains again oh Lord, Never wear those chains again. We will follow him to freedom, never wear those chains again!มีชายคนหนึ่งเข้ามาที่อียิปต์เพื่อกระตุ้นวิญญาณของคน            เราจะติดตามเขาสู่อิสรภาพ จะได้ไม่ต้องผูกด้วยโซ่ตรวนอีกต่อไป            จะได้ไม่ต้องผูกด้วยโซ่ตรวนอีกต่อไป โอ้...พระผู้เป็นเจ้า            จะได้ไม่ต้องผูกด้วยโซ่ตรวนอีกต่อไป            เราจะติดตามเขาสู่อิสรภาพ จะได้ไม่ต้องผูกด้วยโซ่ตรวนอีกต่อไปVocabulary Itemsburn a flame = รุ่มร้อนดั่งสุมด้วยเปลวไฟchain (n) = โซ่ตรวนdrive away (v) = ขับไล่follow (v) = ติดตามfreedom (n) = อิสรภาพfull of light = เต็มไปด้วยแสงสว่างgrief (n) = ความทุกข์ยากLiberty (n) = เสรีภาพsoul (n) = วิญญาณstir (v) = กระตุ้นความรู้สึก
14 พฤษภาคม 2563     |      833
Love Me With All Of Your Heart
Love Me With All Of Your Heartจงรักผมจนหมดหัวใจคุณ Engelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love me with all of your heart That's all I want, love Love me with all of your heart Or not at allจงรักผมด้วยหัวใจทั้งหมดของคุณนั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการ ที่รักจงรักผมด้วยหัวใจทั้งหมดของคุณหรือไม่ก็จงอย่ารักผมเลย[1] Just promise me this That you'll give me all your kisses Every winter every summer Every fall ขอเพียงแต่สัญญาผมเช่นนี้            ว่าคุณจะให้การจุมพิตทั้งหมดของคุณแก่ผม            ทุกฤดูหนาว ทุกฤดูร้อน            ทุกฤดูใบไม้ร่วงWhen we are far apart Or when you're near me Love me with all of your heart As I love youเมื่อเราอยู่ห่างจากกัน            หรือเมื่อคุณอยู่ใกล้ผม            จงรักผมด้วยหัวใจทั้งหมดของคุณ            อย่างที่ผมรักคุณDon't give me your love  For a moment or an hour Love me always as you love me From the start With every beat of your heartอย่าให้ความรักแก่ผม            เพียงชั่วคราวหรือชั่วโมงเดียว            จงรักผมเสมออย่างที่คุณรักผม            ตั้งแต่เริ่มต้น            พร้อมทุกๆจังหวะการเต้นของหัวใจคุณ[1]Vocabulary Itemsapart (adv) = แยกออกจากกันbeat (n) = การเต้นเป็นจังหวะfall (n) = ฤดูใบไม้ร่วงmoment (n) = ช่วงระยะเวลาหนึ่งpromise (v) = สัญญาsummer (n) = ฤดูร้อนwinter (n) = ฤดูหนาวExpressionsFar apart = ห่างจากกันOr not at all = หรือไม่ก็ไม่ต้องเลยWith every beat of your heart = ทุกจังหวะของการเต้นของหัวใจคุณDon't give me your love for a moment or an hour. = อย่าให้ความรักแก่ผม เพียงชั่วคราวหรือชั่วโมงเดียวThat's all I want. = นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการGrammar1. Present Simple Tenseปัจจุบันกาลธรรมดาใช้แสดงเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่เป็นความจริง หรือปกตินิสัยThe sun rises in the east.I always love dogs.She loves me with every beat of her heart.Love me with all of your heart 2. Present Perfect Tenseปัจจุบันกาลสมบูรณ์ เพื่อใช้บ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แล้วยังดำเนินติดต่อกันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน เช่นLove me always as you have loved me from the start.
14 พฤษภาคม 2563     |      217
Love Is Like a Violin
Love Is Like a Violinความรักเหมือนไวโอลิน Ken Doddแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love is like a violinWith its strings around your heartSoft and sweet as dreams beginSadly crying when you partความรักเหมือนไวโอลินที่มีสายอยู่รอบหัวใจคุณ            มันเริ่มต้นด้วยเสียงที่เบาและหวานซึ้ง            ร้องไห้อย่าง (และเล่นเพลงที่โศกเศร้าเมื่อคุณต้องอำลาจากกันMake my heart your violinPlay it now and tell me thisIn the music of a kissLet me hear you say "I love you"จงทำหัวใจของผมให้เป็นไวโอลินของคุณ            จงเล่นมันตอนนี้และบอกผมด้วย            ในการเล่นดนตรีที่มีการจุมพิต            ขอให้ผมได้ยินคำพูดว่า “ฉันรักคุณMake my heart your violinPlay it now and tell me thisIn the music of a kissLet me hear you say "I love you"จงทำหัวใจของผมให้เป็นไวโอลินของคุณ            จงเล่นมันตอนนี้และบอกผมด้วย            ในการเล่นดนตรีที่มีการจุมพิต            ขอให้ผมได้ยินคำพูดว่า “ฉันรักคุณVocabulary Itemsaround (prep) = รอบๆmake my heart your violin = จงทำหัวใจของผมให้เป็นไวโอลินของคุณpart (v) = ละทิ้งstring (n) = สาย เชือกviolin (n) = ไวโอลิน
14 พฤษภาคม 2563     |      384
Love Is a Many Splendored Thing
Love Is a Many Splendored Thing (ความรักคือสิ่งที่สวยงามมากNat King Coleแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love is a many splendored thing It's the April rose That only grows in the early springความรักคือสิ่งที่สวยงามมากมันเป็นเหมือนดอกกุหลาบในเดือนเมษายนที่เจริญงอกงามเฉพาะตอนต้นของฤดูใบไม้ผลิLove is nature's way of giving A reason to believe in The golden crown that makes a man, a kingความรักคือสิ่งที่ธรรมชาติให้เหตุผลที่ควรเชื่ออย่างหนึ่งว่ามงกุฎสีทองทำให้คนกลายเป็นพระราชาได้Once on a high and windy hill In the morning mist Two lovers kissed and the world stood stillทันทีที่อยู่บนเนินเขาสูงและลมแรงในตอนเช้าที่หมอกลงคนรักสองคนจุมพิตกันและโลกก็หยุดการเคลื่อนไหว[1] Then your fingers touched my silent heart And taught it how to sing Yes, true love's a many splendored thingแล้วนิ้วของคุณก็สัมผัสหัวใจที่เงียบเหงาของผมและสอนให้มันรู้จักการร้องเพลงใช่แล้ว ความรักที่แท้จริงคือสิ่งสวยงามมาก[1]Vocabulary Itemsbelieve in (v) = เชื่อcrown (n) = มงกุฏgolden (adj) = ทำด้วยทองคำhill (n) = เนินเขาmist (n) = หมอกnature (n) = ธรรมชาติreason (n) = เหตุผลsplendored (pp.) = สวยงามมากเนื่องจากการตกแต่งtouch (v) = สัมผัสwindy (adj) = มีลมแรง
14 พฤษภาคม 2563     |      951
Look What You Made Me Do
Look What You Made Me Do ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำTaylor Swiftแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I don't like your little games Don't like your tilted stage The role you made me play Of the fool, no, I don't like you I don't like your perfect crime How you laugh when you lie You said the gun was mine Isn't cool, no, I don't like you (oh!)ฉันไม่ชอบเกมเล็ก ๆ ของคุณ ไม่ชอบเวทีที่เอียงของคุณ บทบาทที่คุณทำให้ฉันเล่น เป็นคนโง่ ไม่ชอบ ฉันไม่ชอบคุณ ฉันไม่ชอบอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบของคุณ วิธีที่คุณหัวเราะเมื่อคุณโกหก คุณพูดว่าปืนเป็นของฉัน มันไม่เท่เลย ไม่เท่ ไม่ฉันไม่ชอบคุณ (โอ้!)[1] But I got smarter, I got harder in the nick of time Honey, I rose up from the dead, I do it all the time I've got a list of names and yours is in red, underlined I check it once, then I check it twice, oh!แต่ฉันฉลาดขึ้น ฉันแข็งแกร่งขึ้นทันเวลาพอดี ที่รัก ฉันลุกขึ้นจากความตาย ฉันทำมันตลอดเวลา ฉันมีรายชื่อและชื่อของคุณเป็นสีแดงขีดเส้นใต้ ฉันตรวจสอบมันหนึ่งครั้ง จากนั้นฉันตรวจสอบมันอีกสองครั้ง โอ้![2] Ooh, look what you made me do Look what you made me do Look what you just made me do Look what you just made me Ooh, look what you made me do Look what you made me do Look what you just made me do Look what you just made me doโอ้...ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณเพิ่งบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณเพิ่งบังคับฉัน โอ้...ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณเพิ่งบังคับให้ฉันทำ ดูซิ สิ่งที่คุณเพิ่งบังคับให้ฉันทำI don't like your kingdom keys They once belonged to me You ask me for a place to sleep Locked me out and threw a feast (what!?) The world moves on, another day, another drama, drama But not for me, not for me, all I think about is karma And then the world moves on, but one thing's for sure (sure) Maybe I got mine, but you'll all get yoursฉันไม่ชอบกุญแจอาณาจักรของคุณ กุญแจเหล่านี้เคยเป็นของฉัน คุณถามฉันเพื่อขอสถานที่นอน คุณปิดประตูขังฉันไว้ข้างนอกและโยนอาหารงานฉลองทิ้ง (อะไร!?) โลกดำเนินต่อไป อีกวันหนึ่ง อีกละครเรื่องหนึ่ง ละครอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน ไม่ใช่สำหรับ สิ่งที่ฉันครุ่นคิดทั้งหมดคือกรรม และแล้วโลกก็หมุนต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน (แน่นอน) บางทีฉันอาจได้รับกรรมของฉัน แต่คุณจะได้รับกรรมของคุณทั้งหมด[1][2]I don't trust nobody and nobody trusts me I'll be the actress starring in your bad dreams I don't trust nobody and nobody trusts me I'll be the actress starring in your bad dreams I don't trust nobody and nobody trusts me I'll be the actress starring in your bad dreams I don't trust nobody and nobody trusts meฉันไม่ไว้ใจใครและไม่มีใครเชื่อใจฉัน ฉันจะเป็นนักแสดงหญิงแสดงในฝันร้ายของคุณ ฉันไม่ไว้ใจใครและไม่มีใครเชื่อใจฉัน ฉันจะเป็นนักแสดงหญิงแสดงในฝันร้ายของคุณ ฉันไม่ไว้ใจใครและไม่มีใครเชื่อใจฉัน ฉันจะเป็นนักแสดงหญิงแสดงในฝันร้ายของคุณ ฉันไม่ไว้ใจใครและไม่มีใครเชื่อใจฉันI'll be the actress starring in your bad dreams (Ooh, look what you made me do) (Look what you made me do) (Look what you just made me do) "I'm sorry, the old Taylor can't come to the phone right now" (Ooh, look what you made me do) "Why?" (Look what you made me do) "Oh, 'cause she's dead!" (oh!)ฉันจะเป็นนักแสดงหญิงแสดงในฝันร้ายของคุณ  (โอ้...ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ) (ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ) (ดูซิ สิ่งที่คุณเพิ่งบังคับให้ฉันทำ) "ฉันขอโทษนะเทย์เลอร์คนเดิมไม่สามารถมารับโทรศัพท์ได้ในขณะนี้" (โอ้... ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ) "ทำไมหรึ?" (ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำ) "โอ้...เพราะว่าหล่อนได้ตายไปแล้ว" (โอ้...)[2] x 2Vocabulary Itemsactress (n) = นักแสดงหญิงask for (v) = ขอร้องcool (adj) = เท่ ดี เจ๋งcrime (n) = อาชญากรdead (adj, n) = ตาย ความตายdrama (n) = การละคร การแสดงfeast (n) = งานเลี้ยง อาหารสำหรับงานเลี้ยงfool (n) = คนโง่gun (n) = ปืนin the nick of time = ทันเวลาพอดีIt isn’t cool. = มันไม่เจ๋งkarma (n) = กรรมkingdom (n) = อาณาจักรlaugh (v) = หัวเราะlie (v) = โกหกlocked out (pp) = ถูกขังไว้นอกห้อง ถูกขังไว้นอกบ้านmine (pro) = ของฉันmove on (v) = ดำเนินต่อไปonce (adv) = ครั้งหนึ่งperfect (adj) = สมบูรณ์ ยอดเยี่ยมright now (adv) = ทันทีทันใด เดี๋ยวนี้rise up (v) = ลุกขึ้น ยืนขึ้น ลอยขึ้นrole (n) = บทบาท หน้าที่stage (n) = เวทีstar (v) = แสดงบทบาทtilted (pp) = เอียง ถูกทำให้เอียงtrust (v) = เชื่อถือtwice (adv) = สองครั้งunderline (v) = ขีดเส้นใต้ yours (pro) = ของคุณExpressionsI got harder. = ฉันแข็งแกร่งขึ้นI got smarter. = ฉันฉลาดขึ้นLook, what you made me do. = ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำThe role you made me play. = บทบาทที่คุณบังคับให้ฉันแสดงGrammarTo make someone do something = ทำให้ หรือบังคับให้คนใดคนหนึ่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นLook, what you made me do. = ดูซิ สิ่งที่คุณบังคับให้ฉันทำThe role you made me play. = บทบาทที่คุณบังคับให้ฉันแสดง
14 พฤษภาคม 2563     |      227
41st Street Lonely Heart's Club
41st Street Lonely Heart's Clubสโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41Buck Owensแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์They're gonna make me a lifetime member  In the Forty First Street Lonely Heart's Club ‘Cause they know I'll always remember that I ain't got your love I've got a presidential commendation from the Forty First Street Lonely Heart's Club            เขาจะทำให้ผมเป็นสมาชิกตลอดชีพ            ที่สโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41            เพราะว่าพวกเขารู้ว่า ผมจำได้เสมอว่าผมเป็นคนไม่ได้รับความรักจากคุณ            ผมได้รับความเห็นจากประธานสโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41ว่า I'm the loneliest heart in the nation ‘cause I ain't got your love And I've got teardrops running off my face And I've got mem'ries that I just can't erase And I'll do my best to forget your love in the Forty First Street Lonely Heart's Clubผมเป็นคนที่หัวใจเปล่าเปลี่ยวที่สุดในประเทศ เพราะว่าผมเป็นคนไม่ได้รับความรักจากคุณและผมมีน้ำตาหยาดไหลบนใบหน้ามานานแล้ว            และผมมีความทรงจำมานานที่ไม่สามารถลบออกไปได้            และผมจะทำดีที่สุดเพื่อให้ลืมความรักของคุณ ณ สโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41 Well, I've come a long way since I started In the Forty First Street Lonely Heart's Club ‘Cause I was voted Most Broken Hearted since I ain't got your love My name's gonna go down in history in the Forty First Street Lonely Heart's Clubอ้า...ผมได้ปฏิบัติการมานานแล้วตั้งแต่ได้เริ่มต้นณ สโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41เพราะว่าผมได้รับออกเสียงว่าเป็นคนที่อกหักมากที่สุดตั้งแต่ผมไม่ได้รับความรักจากคุณชื่อของผมจะได้รับการบันทึกไว้ในประวิติศาสตร์ของสโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41For outstanding achievement in misery ‘cause I ain't got your love And I've got teardrops running off my face.. And I've got mem'ries that I just can't erase And I'll do my best to forget your love in the Forty First Street Lonely Heart's Clubในฐานะเป็นผู้มีผลสัมฤทธิ์โดดเด่นในความทุกข์ระทมเพราะผมไม่ได้รับความรักจากคุณ            และผมมีน้ำตาหยาดไหลบนใบหน้ามานานแล้ว            และผมมีความทรงจำมานานที่ไม่สามารถลบออกไปได้และผมจะทำดีที่สุดเพื่อให้ลืมความรักของคุณ ณ สโมสรหัวใจที่เปล่าเปลี่ยวบนถนนหมายเลข 41Vocabulary Itemsachievement (n) = ผมสัมฤทธิ์I'll do my best. = ผมจะทำดีที่สุดClub (n) = สโมสรcommendation (n) = ความคิดเห็นerase (v) = ลบให้หายไปlifetime (adj) = ตลอดชีพloneliest (adj) = เปล่าเปลี่ยวที่สุด โดดเดี่ยวที่สุด ว้าเหว่ที่สุดLonely (adj) = เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยว ว้าเหว่าmember (n) = สมาชิกoutstanding (adj) = โดดเด่น ดีเด่น ดีเยี่ยมpresidential (adj) = เกี่ยวกับประธาน ของประธานremember (v) = จดจำteardrop (n) = หยดน้ำตาvote (v) = ออกเสียงสนับสนุนExpressionsI've got memories that I just can't erase.I've come a long way since I started. = ผมได้ปฏิบัติการมานานแล้วตั้งแต่ได้เริ่มต้นGo down in history = บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์GrammarPresent Perfect Tenseปัจจุบันกาลสมบูรณ์ใช้เพื่อแสดงเหตุการณ์ หรือการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในอดีตที่ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน การกระทำนั้นมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และอาจต่อเนื่องไปในอนาคตได้ด้วย เช่นI've got memories that I just can't erase. = ผมมีความทรงจำมานานที่ไม่อาจจะลบมันออกไปได้I've come a long way since I started. = ผมได้ปฏิบัติการมานานแล้วตั้งแต่ได้เริ่มต้น
14 พฤษภาคม 2563     |      182
Leaving on a Jet Plane
Leaving on a Jet Planeจากไปโดยเครื่องบินไอพ่นJohn Denverแปลโดย รศ.ดรสสุพัฒน์  สุกมลสันต์All my bags are packed I'm ready to go I'm standin' here outside your door I hate to wake you up to say goodbye But the dawn is breakin' It's early morn The taxi's waitin' He's blowin' his horn Already I'm so lonesome I could dieกระเป๋าทุกใบของผมเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วผมพร้อมแล้วที่จะไปผมกำลังยืนอยู่ที่นี่ที่หน้าประตูของคุณผมเกลียดที่จะปลุกคุณขึ้นเพื่อกล่าวคำอำลาแต่ว่ามันกำลังจะรุ่งอรุณแล้วมันเป็นช่วงเวลาเช้ารถแท็กซี่กำลังรอคอยอยู่คนขับรถกำลังบีบแตรรถผมรู้สึกเหงาเปล่าเปรียวมากเสียแล้วผมสามารถตายได้So kiss me and smile for me Tell me that you'll wait for me Hold me like you'll never let me go 'Cause I'm leavin' on a jet plane Don't know when I'll be back again Oh babe, I hate to goดังนั้น จงจูบผมและยิ้มให้ผมบอกผมว่าคุณจะรอคอยผมกอดผมอย่างที่คุณจะไม่ปล่อยให้ผมไปเพราะว่าผมกำลังจะจากไปโดยเครื่องบินไอพ่นผมไม่รู้ว่าผมจะกลับอีกมาเมื่อไหร่โอ้...ที่รัก ผมเกลียดที่จะจากไปThere's so many times I've let you down So many times I've played around I tell you now, they don't mean a thing Ev'ry place I go, I'll think of you Ev'ry song I sing, I'll sing for you When I come back, I'll bring your wedding ringมีหลายครั้งมากที่ผมเคยทำให้คุณผิดหวังมาแล้วมีหลายครั้งมากที่ผมเคยเที่ยวเตร่มั่วสุม(กับหญิงอื่นมาแล้วผมบอกคุณได้เลยตอนนี้ว่า คนเหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรกับผมทุกแห่งหนที่ผมไป ผมจะคิดถึงคุณทุกเพลงที่ผมร้อง ผมจะร้องเพื่อคุณเมื่อผมกลับมา ผมจะนำแหวนแต่งงานของคุณมาด้วยSo kiss me and smile for me Tell me that you'll wait for me Hold me like you'll never let me go 'Cause I'm leavin' on a jet plane Don't know when I'll be back again Oh babe, I hate to goดังนั้น จงจูบผมและยิ้มให้ผมบอกผมว่าคุณจะรอคอยผมกอดผมอย่างที่คุณจะไม่ปล่อยให้ผมไปเพราะว่าผมกำลังจะจากไปโดยเครื่องบินไอพ่นผมไม่รู้ว่าผมจะกลับอีกมาเมื่อไหร่โอ้...ที่รัก ผมเกลียดที่จะจากไปNow the time has come to leave you One more time Let me kiss you Then close your eyes I'll be on my way Dream about the days to come When I won't have to leave alone About the times, I won't have to sayตอนนี้เวลาที่จะจากคุณมาถึงแล้วอีกสักครั้งหนึ่งขอให้ผมได้จูบคุณเถอะนะแล้วจงหลับตาผมจะออกเดินทางจงฝันถึงวันเวลาในอนาคตเมื่อผมจะไม่ต้องจากไปเพียงลำพังฝันเกี่ยวกับวันเวลาที่ผมจะไม่ต้องพูดว่าOh, kiss me and smile for me Tell me that you'll wait for me Hold me like you'll never let me go 'Cause I'm leavin' on a jet plane Don't know when I'll be back again Oh babe, I hate to goโอ้...จงจูบผมและยิ้มให้ผมบอกผมว่าคุณจะรอคอยผมกอดผมอย่างที่คุณจะไม่ปล่อยให้ผมไปเพราะว่าผมกำลังจะจากไปโดยเครื่องบินไอพ่นผมไม่รู้ว่าผมจะกลับอีกมาเมื่อไหร่โอ้...ที่รัก ผมเกลียดที่จะจากไปBut, I'm leavin' on a jet plane Don't know when I'll be back again Oh babe, I hate to goเพราะว่าผมกำลังจะจากไปโดยเครื่องบินไอพ่นผมไม่รู้ว่าผมจะกลับอีกมาเมื่อไหร่โอ้...ที่รัก ผมเกลียดที่จะจากไป Vocabulary Itemsbag (n) = กระเป๋าblowing (n) = การเปล่า การส่งเสียง การบีบแต่breaking (n) = การเริ่มต้น การทำให้แตกหักdawn (n) = ตอนรุ่งอรุณdie (v) = ตายhate (v) = เกลียดhold (v) = กอดhorn (n) = เขาสัตว์ แตรรถยนต์jet plane (n) = เครื่องบินไอพ่นkiss (v) = จูบleave (v) = ละทิ้ง ออกเดินทางlonesome (adj) = เปล่าเปลี่ยว โดดเดียวmorn = morningoutside (adv) = ด้านนอกpacked (pp) = ถูกบรรจุpace (n) = การเคลื่อนที่ สถานที่ แห่งหนsay goodbye (v) = กล่าวคำอำลาsmile (v) = ยิ้มwake up (v) = ปลุกให้ตื่นขึ้นwedding ring (n) = แหวนแต่งงานExpressionsEvery pace I go, I'll think of you. = ทุกแห่งหนที่ผมไป ผมจะคิดถึงคุณEvery song I sing, I'll sing for you. ทุกเพลงที่ผมร้อง ผมจะร้องเพื่อคุณI'll be on my way. = ผมจะออกเดินทางI've let you down. = ผมเคยทำให้คุณผิดหวังมาแล้วI've played around. = ผมเคยเที่ยวเตร่มั่วสุมกับหญิงอื่นมาแล้วNow the time has come to leave you. = ตอนนี้เวลาที่จะจากคุณมาถึงแล้วThey don't mean a thingไม่ได้มีความหมายอะไรกับผม
14 พฤษภาคม 2563     |      1004
Lavender Blue
Lavender Blue (ดอกลาเวนเดอร์สีน้ำเงินShelby Flintแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์(Lavender ดอกไม้ชนิดหนึ่ง เป็นช่อคล้ายดอกหญ้า หรือดอกหงอนไก่ ปกติมีสีม่วงแดง และกลิ่นหอมLavender blue, dilly, dillyLavender greenIf you were king, dilly, dillyYou'd need a queenดอกลาเวนเดอร์สีน้ำเงิน สุขใจมาก สุขใจมาก  ดอกลาเวนเดอร์สีเขียวถ้าคุณเป็นพระราชา สุขใจมาก สุขใจมากคุณก็จะต้องมีราชินีWho told me so, dilly, dillyWho told me so?I told myself, dilly, dillyI told me soใครบอกฉันเช่นนั้น? สุขใจมาก สุขใจมาใครบอกฉันเช่นนั้น?ฉันบอกตัวเอง สุขใจมาก สุขใจมากฉันบอกตัวเองเช่นนั้นIf your dilly, dilly heartFeels a dilly, dilly wayAnd if you'll answer "yes"There's a dilly, dilly churchOn a dilly, dilly hillถ้าหัวใจคุณมีสุขมากรู้สึกชื่นชมยินดีปรีดาและถ้าคุณจะตอบว่า “ตกลงก็จะมีเรื่องน่าหรรษาที่โบสถ์ซึ่งอยู่บนเนินเขาที่น่ารื่นรมย์I'll be dressed in a dilly, dilly dress ofLavender blue, dilly, dillyLavender greenThen you'll be king, dilly, dillyฉันก็จะแต่งชุดที่แสดงความสุขเป็นดอกลาเวนเดอร์สีน้ำเงิน สุขใจมาก สุขใจมากดอกลาเวนเดอร์สีเขียวแล้วคุณก็จะเป็นพระราชา สุขใจมาก สุขใจมากAnd I'll be your queenIf your dilly, dilly heartFeels a dilly, dilly wayAnd if you'll answer "yes"และฉันก็จะเป็นราชินีของคุณถ้าหัวใจคุณที่มีสุขมากรู้สึกชื่นชมยินดีปรีดาและถ้าคุณจะตอบว่า “ตกลงThere's a dilly, dilly churchOn a dilly, dilly hillI'll be dressed in a dilly, dilly dress ofLavender blue, dilly, dillyก็จะมีเรื่องน่าหรรษาที่โบสถ์            ซึ่งอยู่บนเนินเขาที่น่ารื่นรมย์            และถ้าคุณจะตอบว่า “ตกลงฉันก็จะแต่งชุดที่แสดงความสุข            เป็นดอกลาเวนเดอร์สีน้ำเงิน สุขใจมาก สุขใจมากLavender greenThen you'll be king, dilly, dillyAnd I'll be your queenดอกลาเวนเดอร์สีเขียว            แล้วคุณก็จะเป็นพระราชา สุขใจมาก สุขใจมากและฉันก็จะเป็นราชินีของคุณVocabulary Itemsdilly (adj). = delightful (น่ารื่นรมย์ สุขใจมาก น่าหรรษา รู้สึกยินดีปรีดา), remarkable (น่าจดจำ), wonderful (วิเศษ มหัสจรรย์), unusual (ไม่ธรรมดา) extraordinary (แตกต่างจากทั่วๆไป) delicious (รส หรือกลิ่นที่น่าชื่นชมยินดีdilly (n) = ของบางอย่าง หรือคนบางคนที่น่าจดจำมาก (something or someone regarded as remarkable)church (n) = โบสถ์ของศาสนาคริสต์lavender (n) = กระเทย ผู้ชายที่มีลักษณะเหมือนผู้หญิง (slang)GrammarConditional sentences (ประโยคเงื่อนไข หรือ if-clause)ประโยคเงื่อนไข คือประโยคที่ประกอบด้วยอนุประโยค (ประโยคย่อย) สองประโยค ประโยคหนึ่งขึ้นต้นด้วยคำว่า If กับอีกประโยคหนึ่งเป็นประโยคที่สมบูรณ์ อนุประโยคสองประโยคนี้สามารถสลับที่กันได้ แล้วแต่การเน้นความหมายประโยคเงื่อนไขมีอยู่ 4 ชนิด คือ ZERO Conditional Sentences ประโยคเงื่อนไขชนิดศูนย์ประโยคชนิดนี้ใช้สำหรับพูดถึงความจริงทั่วไปที่เป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ present simple tense ในอนุประโยคทั้งสองประโยค กล่าวคือIf + present simple tense, + present simple tenseตัวอย่าง เช่นIf you touch a fire, you get burned. ถ้าคุณแตะไฟ ไฟก็ไหม้คุณPeople die if they don't eatคนตายถ้าไม่กินอาหารYou get water if you mix hydrogen and oxygen. คุณได้น้ำถ้าคุณรวมไฮโดรเจนกับอ๊อกซิเจนSnakes bite if they are scared. งูกัดถ้ามันถูกทำให้ตกใจกลัวประโยคเงื่อนไขชนิดนี้สามารถใช้คำว่า when (เมื่อ) แทน if ก็ได้ FIRST Conditional Sentences (ประโยคเงื่อนไขชนิดที่ 1ประโยคชนิดนี้ใช้สำหรับพูดความจริงที่เป็นไปได้ในปัจจุบันว่า ถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้น โดยใช้ present simple tense และ future simple tense ในอนุประโยค กล่าวคือIf + present simple tense, + future simple tenseตัวอย่าง เช่นIf it rains, I won't go to the park. ถ้าฝนตก ผมจะไม่ไปสวนสาธารณะIf I have enough money, I'll buy some new shoes. ถ้าผมมีเงินพอ ผมจะซื้อรองเท้าใหม่She'll be late if the train is delayed. เธอจะไปสายถ้ารถไฟมาช้าShe'll miss the bus if she doesn't leave soon. เธอจะไม่ทันรถเมล์ถ้าเธอไม่ออกจากบ้านในไม่ช้านี้If I see her, I'll tell her. ถ้าผมพบหล่อน ผมจะบอกหล่อนประโยคเงื่อนไขชนิดนี้สามารถใช้คำว่า should แทน if ก็ได้    3. SECOND Conditional Sentences (ประโยคเงื่อนไขชนิดที่ 2ประโยคชนิดนี้ใช้สำหรับพูดความจริงที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันว่า หากแต่เป็นเรื่องที่สมมุติขึ้นว่าเป็นจริงว่า ถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งคงจะ น่าจะ หรืออาจจะเกิดขึ้น โดยใช้ past simple tense และ past in the future simple tense ในอนุประโยค กล่าวคือIf + past simple tense, + past in the future simple tenseตัวอย่าง เช่นIf I won the lottery, I would buy a big house. ถ้าผมถูกล็อตเตอรี่ ผมคงจะซื้อบ้านหลังใหญ่ (ผมคงไม่ถูกล็อตเตอรี่ และได้ซื้อบ้านหลังใหญ่หรอก)She would travel all over the world if she were rich. หล่อนคงจะเที่ยวรอบโลกถ้าหล่อนร่ำรวย (หล่อนไม่ร่ำรวย และคงไม่มีโอกาสเที่ยวรอบโลกหรอก)She would pass the exam if she studied hardเธอคงจะสอบผ่าน ถ้าหล่อนเรียนหนัก (ซึ่งผมคิดว่า หล่อนคงสอบไม่ผ่านหรอก เพราะว่าหล่อนไม่เรียนหนักเท่าที่ควร)If I had his number, I would call him. ถ้าผมมีเบอร์เขา ผมคงจะโทรหาเขา (แต่จริงๆฉันไม่มีเบอร์เขา เลยไม่ได้โทรหาเขา)If I were you, I wouldn't go out with that man. ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงจะไม่ไปเที่ยวกับผู้ชายคนนั้น ผมเป็นคุณไม่ได้ ดังนั้นผมก็ไม่ไปกับผู้ชายคนนั้น THIRD Conditional Sentences (ประโยคเงื่อนไขชนิดที่ 3ประโยคชนิดนี้ใช้สำหรับพูดความจริงที่เป็นไปได้ในอดีตว่า ถ้าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น อีกสิ่งหนึ่งควรจะ คงจะ หรืออาจจะได้เกิดขึ้นมาแล้ว โดยใช้ present simple tense และ future simple tense ในอนุประโยค กล่าวคือIf + past perfect tense, + past in future perfect tenseตัวอย่าง เช่นIf she had studied hard, she would have passed the exam. ถ้าหล่อนได้เรียนหนัก หล่อนคงจะได้สอบผ่านไปแล้ว (แต่ในความเป็นจริง ผู้พูดรู้ว่าหล่อนไม่ได้เรียนหนักและสอบตกแล้ว)If I hadn't eaten so much, I wouldn't have felt sick. ถ้าผมกินไม่มาก ผมคงจะไม่ได้ป่วยแล้ว (แต่ในความเป็นจริง ผมกินเยอะ และเจ็บป่วยมาแล้ว)If we had taken a taxi, we wouldn't have missed the plane. ถ้าเราได้ขึ้นแท็กซี่ เราคงจะไม่พลาดเครื่องบินแต่ในความเป็นจริง ผมกินเยอะ และเจ็บป่วยมาแล้ว)She wouldn't have been tired if she had gone to bed earlier. เธอจะไม่เพลียถ้าเข้านอนเร็วกว่านี้She would have become a teacher if she had gone to university. เธอคงจะเป็นครูถ้าเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยHe would have been on time for the interview if he had left the house at nine. เขาคงมาสัมภาษณ์ทันเวลาถ้าออกจากบ้านตอนเก้าโมง MIXED ConditionalSentencesประโยคเงื่อนไขชนิดผสมประโยคชนิดนี้ใช้สำหรับพูดสิ่งที่เป็นไปได้ในอดีตที่มีความสัมพันธ์กับปัจจุบัน โดยใช้รูปแบบที่ 2 บางส่วนผสมกับกับรูปแบบที่ 3 บางส่วน โดยมีรูปแบบดังนี้If + past perfect tense, + past in future tenseตัวอย่าง เช่นShe would be a rich widow now if she’d married him. เธอคงจะได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐีไปแล้วถ้าเธอแต่งงานกับเขา (ตอนนั้นไม่แต่งกับเขา ตอนนี้เลยไม่ได้เป็นแม่หม้ายเศรษฐี)If I’d studied law, I’d be an attorney now. ถ้าตอนนั้นเรียนนิติศาสตร์ตอนนี้ฉันก็คงจะเป็นทนายความแล้ว (ตอนนั้นไม่ได้เรียนนิติศาสตร์ ตอนนี้เลยไม่ได้เป็นทนายความ)
14 พฤษภาคม 2563     |      807
Kiss from a Rose
Kiss from a Rose จุมพิตจากดอกกุหลาบSeal แปลโดย รศ. ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์There used to be a greying tower alone on the sea You became the light on the dark side of me Love remained a drug that's the high and not the pill But did you know that when it snows My eyes become large and the light that you shine can be seen?มันเคยมีหอคอยเก่าสีเทาๆหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่โดดเดียวในทะเล            คุณคือแสงสว่างในด้านมืดของผม            ความรักเหมือนดั่งยาเสพติดที่มีฤทธิ์ทำให้สดชื่นแต่ไม่รักษาโรค            แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อหิมะตกดวงตาของผมจะขยายใหญ่และสามารถมองเห็นแสงสว่างที่คุณส่องมาได้[1] Baby, I compare you to a kiss from a rose on the grey Ooh, the more I get of you, the stranger it feels, yeah Now that your rose is in bloom A light hits the gloom on the greyที่รัก ผมเปรียบเทียบคุณเหมือนกับการจุมพิตจากดอกกุหลาบที่อยู่บนหอคอยเก่านั้น            โอ้  ผมยิ่งรู้จักคุณมากเท่าไหร่ ผมก็จะรู้สึกแปลกมากขึ้นเท่านั้น            แต่ว่า ตอนนี้ดอกกุหลาบของคุณกำลังเบ่งบาน            มีแสงสว่างส่องตรงมาที่สีเทาดำบนหอคอยเก่านั้น[2] There is so much a man can tell you, so much he can say You remain my power, my pleasure, my pain Baby, to me, you're like a growing addiction that I can't deny Won't you tell me, is that healthy, baby? But did you know that when it snows My eyes become large and the light that you shine can be seen?มีผู้ชายจำนวนมากที่สามารถบอกคุณ และพูดเกี่ยวกับคุณได้มากมาย            คุณยังคงเป็นพลังให้แก่ผม เป็นสิ่งที่ให้ความหรรษากับผม และให้ความเจ็บปวดด้วย            ที่รัก สำหรับผม คุณเหมือนเป็นยาเสพย์ติดที่ต้องเสพมากเพิ่มขึ้นจนผมไม่สามารถเลิกได้            คุณจะไม่บอกผมหรือว่า มันดีต่อสุขภาพผมหรือเปล่า ที่รัก?            แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อหิมะตกดวงตาของผมจะขยายใหญ่และสามารถมองเห็นแสงสว่างที่คุณส่องมาได้[1]I've been kissed by a rose on the grey I've been kissed by a rose on the grey And if I should fall, will it all go away? I've been kissed by a rose on the greyผมได้รับจุมพิตบ่อยๆจากดอกกุหลาบบนหอคอยเก่าสีเทานั้นผมได้รับจุมพิตบ่อยๆจากดอกกุหลาบบนหอคอยเก่าสีเทานั้นและถ้าหากว่าผมล้มเหลว ดอกกุหลาบนี้จะหายไปหรือเปล่า?ผมได้รับจุมพิตบ่อยๆจากดอกกุหลาบบนหอคอยเก่าสีเทานั้น[2][1] x 2Now that your rose is in bloom A light hits the gloom on the grey            แต่ว่า ตอนนี้ดอกุหลาบของคุณกำลังเบ่งบาน            มีแสงสว่างส่องตรงมาที่สีเทาดำบนหอคอยเก่านั้นVocabulary Itemsaddiction (n) = การเสพติด การมีเพิ่มขึ้น การบวกalone (adj) = โดดเดี่ยวcompare (v) = เปรียบเทียบdeny (v) = ปฏิเสธdrug (n) = ยารักษาโรค ยาเสพติดgloom (n) = สีเทาดำ กระดำกระด่าง ดำหรือสีเทาบางส่วนgrey or gray (adj) = สีเทาgreying or graying (adj) = เก่า กำลังเก่า กลายเป็นสีเทาhealthy (adj) = ดีต่อสุขภาพhigh (adj) = ทำให้รู้สึกสดชื่น (slang)in bloom = กำลังออกดอกlight (n) = แสงสว่างpain (n) = ความเจ็บปวดpill (n) = ยาเม็ด ยารักษาโรคpleasure (n) = ความหรรษาpower (n) = พลังremain (v) = ยังคงเหมือนเดิมsnow (v, n) = หิมะตก หิมะ ยาโคเคน (slang)tower (n) = หอคอย ประภาคาร
14 พฤษภาคม 2563     |      335
Kicking Our Hearts Around
Kicking Our Hearts Around ปฏิบัติต่อหัวใจอย่างไร้ความปราณีBuck Owensแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] Oh let's stop kickin' each other’s hearts around, it's not the thing to do Let's pick them up dust them off and start our love anew Let's be fair and let's don't dare to try to hurt the other Let's stop kickin' our hearts around and let's love one anotherโอ้...หยุดกระทำต่อหัวใจของกันและกันอย่างไร้ความปราณีเถอะนะ มันไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำขอให้จงเก็บหัวใจขึ้นมาและปัดผุ่นออกเสีย และเริ่มต้นความรักของเราใหม่ขอให้มีความยุติธรรม และอย่ากล้าลองดีที่จะพยายามทำให้คนอื่นเจ็บปวดขอให้หยุดกระทำต่อหัวใจอย่างไร้ความปราณีเสีย และขอให้รักซึ่งกันและกันWe've said goodbye a thousand times then made up again Always coming back for more to see which one will win I love you and you love me on this we can agree Let's stop kickin' our hearts around and go on lovingly Oh let's stop kickin'...เราเคยกล่าวลาจากกันเป็นพันๆครั้ง แล้วเราก็มาดีกันอีกกลับมาหากันเสมอเพื่อหาความขัดแย้งเพิ่มว่าใครจะเป็นผู้ชนะผมรักคุณ และคุณก็รักผม จุดนี้เราสามารถตกลงกันได้ขอให้เราหยุดทำร้ายหัวใจของเรา และรักกันต่อไปขอให้เราหยุดทำร้ายหัวใจกันเถอะ[1] You called me on the phone but I hang up on you Then I called back up to apologize for doing things I do You can't understand the things I do or things I say And I can't accept the way you change from day to day Oh let's stop kickin'...คุณโทรศัพท์ถึงผม แต่ว่าผมวางหูใส่คุณแล้วผมก็โทรศัพท์กลับถึงคุณเพื่อขอโทษที่ผมกระทำเช่นนั้นคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมทำ หรือสิ่งที่ผมพูดและผมไม่สามารถยอมรับท่าทางที่คุณแปรเปลี่ยนไปในแต่ละวันโอ้...ขอให้เราหยุดทำร้ายหัวใจเถอะนะ[1]  Vocabulary Itemsaccept (v) = ยอมรับagree (v) = ตกลงanew (adv) = ทำขึ้นใหม่ อีกครั้งหนึ่งapologize (v) = ขอโทษcall back up (v) = โทรศัพท์กลับcalled on (v) = โทรศัพท์ถึงcome back (v) = กลับคืนมาdare (v) = กล้า ท้าทาย ลองดีdust them off = ปัดฝุ่นออกจากมันfair (adj) = ยุติธรรมhang up on (v) = วางหูโทรศัพท์ใส่ กระแทกหูโทรศัพท์ใส่hurt (v) = ทำให้เจ็บ ทำให้บาดเจ็บlovingly (adv) = อย่างน่ารักmake up (v) = แก้ตัวใหม่ แก้ไขใหม่ ทำชดเชย กุเรื่องขึ้นunderstand (v) = เข้าใจwin (v,n) = เอาชนะ ความชนะExpressionschange from day to day = เปลี่ยนไปในแต่ละวันLet's pick them up = เก็บมันขึ้นมากันเถอะkick something/someone around (v) = ปฏิบัติต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งผู้ใดผู้หนึ่งอย่างไร้ความปราณี
14 พฤษภาคม 2563     |      134
Just a Dream
Just a Dream (เพียงความฝันJimmy Clantonแปลโดย รศ. ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Just a dream, just a dream All our plans and our all schemes How could I think you'd be mine The lies I'd tell myself each timeเป็นเพียงความฝัน เป็นเพียงความฝันแผนการของเราทั้งหมด และแผนปฏิบัติการทั้งหมดของเรา            ผมคิดได้อย่างไรว่าคุณจะเป็นของผม            การโกหกที่ผมจะต้องบอกตัวเองแต่ละครั้งผมจะต้องโกหกตัวเองแต่ละครั้งI know that we could never last We just can't seem to in the past Just a dream I dream in vain With you I'd only live in pain            ผมรู้ว่าเราไม่สามารถจะพรากจากกันได้            เราเหมือนจะไม่เคยจากกันในอดีตเป็นเพียงความฝัน ผมฝันที่ไม่เป็นจริงกับตัวคุณ ผมเพียงมีชีวิตอยู่อย่างเจ็บปวดYour picture is always with me I can still hear that same mournful song And now I sit here crying Please leave me aloneรูปภาพของคุณอยู่กับผมเสมอ            ผมยังคงสามารถได้ยินเสียงเพลงคร่ำครวญเดิมนั้น            และตอนนี้ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้            โปรดปล่อยผมไว้ตามลำพังWhy, why do I love you How can I live in misery I know that I won't forget you But now I know it's too late for me            ทำไม ทำไมผมจึงรักคุณ?            ผมจะอยู่ในความโศกเศร้าได้อย่างไร?ผมรู้ว่าผมจะไม่ลืมคุณ            แต่ตอนนี้ ผมรู้ว่ามันสายเกินไปแล้วสำหรับผมVocabulary Itemsforget (v) = ลืมhow could i think you'd be mine? = ผมคิดได้อย่างไรว่าคุณจะเป็นของผม?in vain = ไร้ประโยชน์ ไม่ประสบผลสำเร็จjust (adv) = เพียงเท่านั้น lie (v, n) = โกหก การโกหกmisery (n) = ความโศกเศร้า ความทุกข์mournful (adj) = คร่ำครวญ เต็มไปด้วยความโศกเศร้าpain (n) = ความเจ็บปวดplan (n) = แผนการplease leave me alone. = โปรดปล่อยผมไว้ตามลำพัง โปรดอย่ามายุ่งกับผมscheme (n) = โครงการ แผนการ
14 พฤษภาคม 2563     |      166
ทั้งหมด 42 หน้า