You Can Never Stop Me Loving You
You Can Never Stop Me Loving You (คุณไม่สามารถทำให้ผมหยุดรักคุณได้Johnny Tillotsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์You can take your picture off your shelf You can go around all by yourself You can tell the others that we're through But darling, I know one thing you can't doคุณสามารถนำรูปภาพของคุณลงมาจากชั้นวางของของคุณได้คุณสามารถไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวคุณเองคุณสามารถบอกคนอื่นๆได้ว่าเราเลิกลากันแล้วYou can never stop me loving you You can never stop the way that my heart's beating too You can never stop me loving you That's one thing you'll never doคุณไม่สามารถทำให้ผมหยุดรักคุณได้คุณไม่มีวิธีใดหยุดให้หัวใจผมเต้นได้ด้วยคุณไม่สามารถทำให้ผมหยุดรักคุณได้นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณจะไม่มีวันทำได้You can look away when I pass by You can do your best to make me cry You can break my heart and leave me blue But darling I know one thing you can't doคุณสามารถเมินหน้าหนีเมื่อผมเดินผ่านได้คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมร้องไห้คุณสามารถทำให้ผมอกหักและทำให้ผมเศร้าแต่ว่าที่รัก ผมรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถทำได้You can hang the phone up when I call You can say you don't love me at all You can say its over and we're through But darling I know one thing you can't doคุณสามารถวางหูโทรศัพท์เมื่อผมโทรหาคุณสามารถพูดว่าคุณไม่รักผมเลยคุณสามารถพูดว่ามันสิ้นสุดแล้วและเราเลิกรากันแล้วแต่ว่าที่รัก ผมรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถทำได้You'll never stop me loving you That's one thing you'll never doคุณจะไม่ทำให้ผมหยุดรักคุณได้เลยนั่นคือสิ่งเดียวที่คุณจะทำไม่ได้เลยVocabulary Itemscall (v) = โทรศัพท์darling (n) = ที่รักdo your best (v) = ทำอะไรก็ได้go around all by yourself = ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวคุณเองhang up (v) = วางหูโทรศัพท์ leave someone blue (v) = ทำให้บางคนเศร้าlook away (v) = เมินหน้าหนีpass by (v) = เดินผ่านpicture (n) = รูปภาพshelf (n) = ชั้นวางของtake off (v) = เอาลง ปลดลง ถอดออกto be through (v) = เลิกรากันแล้ว
11 มิถุนายน 2563     |      599
Wonderful! Wonderful!
Wonderful! Wonderful!ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Sometimes we walk hand in hand by the sea And we breathe in the cool salty air You turn to me with a kiss in your eyes And my heart feels a thrill beyond compare Then your lips cling to mine It's wonderful, wonderful Oh, so wonderful, my loveบางครั้งเราเดินจับมือกันที่ทะเล และเราหายใจเอาอากาศที่เย็นและเค็มเข้าไป คุณหันมาหาผมด้วยการจูบในดวงตาของคุณ และใจของผมรู้สึกตื่นเต้นเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้ จากนั้นริมฝีปากของคุณก็เกาะติดกับของผม มันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม โอ้...ยอดเยี่ยมมาก ที่รักของผมSometimes we stand on the top of a hill And we gaze at the earth and the sky I turn to you and you melt in my arms There we are, darling, only you and I What a moment to share It's wonderful, wonderful Oh, so wonderful, my loveบางครั้งเรายืนอยู่บนยอดเนินเขา และเราก็จ้องมองไปที่โลกและท้องฟ้า ผมหันไปหาคุณและคุณก็อ่อนระทวยในอ้อมแขนของผม ที่นั่นเรามีเพียงคุณและผมเท่านั้น ที่รัก ช่วงเวลาที่น่าแบ่งปันกันอะไรเช่นนั้น มันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม โอ้...ยอดเยี่ยมมาก ที่รักของผมThe world is full of wondrous things it's true But they wouldn't have much meaning without youโลกเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมาย มันเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีความหมายมากถ้าไม่มีคุณSome quiet evening I sit by your side And we're lost in a world of our own I feel the glow of your unspoken love I'm aware of the treasure that I own And I say to myselfบางยามเย็นที่เงียบสงบ ผมนั่งข้างๆคุณ และเราก็หลงอยู่ในโลกของเราเอง ผมรู้สึกถึงความรักที่ไม่ได้พูดออกมาของคุณ ผมตระหนักถึงสมบัติที่ผมเป็นเจ้าของ และผมพูดกับตัวเองว่า It's wonderful, wonderful Oh, so wonderful, my love And I say to myself It's wonderful, wonderful Oh, so wonderful, my loveมันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม โอ้...ยอดเยี่ยมมาก ที่รักของผม และผมพูดกับตัวเองว่า มันยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม โอ้...ยอดเยี่ยมมาก ที่รักของผมVocabulary Itemsair (n) = อากาศaware of (adj) = ตระหนักรู้ รู้เองbeyond (prep) = เหนือ เกินกว่าbreathe (v) = หายใจby someone’s side = ข้างๆกับบุคคลby the sea = บ้างๆทะเลcling (v) = เกาะติด ติดกับcompare (v) = เปรียบเทียบcool (adj) = เย็นdarling (n) = ที่รักearth (n) = พื้นโลก พื้นดินfeel (v) = รู้สึกfull of (adj) = เต็มไปด้วยgaze (v) = จ้องมองglow (v,n) = เรืองแสง การส่องแสงhand in hand = จูงมือกันhill (n) = เนินเขาin my arms = ในอ้อมกอดของผมkiss (v,n) = จูบ การจูบmeaning (n) = ความหมายmelt (v) = หลอมละลาย อ่อนระทวยown (v) = เป็นเจ้าของquiet (adj) = เงียบๆsalty (adj) = เต็มไปด้วยเกลือ มีรสเค็มsky (n) = ท้องฟ้าsometimes (adv) = บางครั้งstand on (v) = ยืนบนthrill (n) = ความรู้สึกตื่นเต้นtop of (n) = ยอดของtreasure (n) = ทรัพย์สมบัติturn to (v) = หันมายัง หันไปยังunspoken (adj) = โดยไม่ต้องพูด ยังไม่ได้พูดwonderful (adj) = ยอดเยี่ยม วิเศษ ดีมากwondrous (adj) = มหัศจรรย์มากExpressionsWe're lost in a world of our ownเราหลงอยู่ในโลกของเราเองWhat a moment to shareช่วงเวลาที่น่าแบ่งปันกันอะไรเช่นนั้นYou melt in my arms. = คุณอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของผม
11 มิถุนายน 2563     |      401
Winter World of Love
Winter World of Love (โลกฤดูหนาวแห่งความรักEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์My love, the days are colder. So, let me take your hand And lead you through a snow-white land. Oh, oh. Oh, oh.ที่รักของผม วันเวลาหนาวเย็นมากขึ้น            ดังนั้น ขอให้ผมจับมือคุณเถอะนะ            และนำพาคุณผ่านดินแดนหิมะที่ขาวโพน            โอ้...โอ้...            โอ้...โอ้...My love, the year is older. So, let me hold you tight And wile away this winter night. Oh, oh.            ที่รักของผม เดือนปีทำให้แก่ขึ้น            ขอให้ผมจับคุณไว้แน่นเถอะนะ            และใช้เวลากลางคืนนี้อย่างไม่เร่งรีบ            โอ้...โอ้...I see the firelight in your eyes. Come kiss me now, before it dies. We'll find a winter world of love, 'Cause love is warmer in December. My darlin', stay here in my arms            ผมเห็นแสงไฟในดวงตาของคุณ            จงมาจูบผมเสียตอนนี้ก่อนที่ไฟมันดับ            เราจะพบโลกฤดูหนาวแห่งความรักเพราะว่าความรักอบอุ่นขึ้นในเดือนธันวาคม            ที่รักของผม จงอยู่ที่นี่ในอ้อมกอดของผมTill summer comes along And in our winter world of love, You see, we always will remember That as the snow lay on the ground, We found our winter world of love.            จนกว่าฤดูร้อนย่างเข้ามา            และในโลกฤดูหนาวแห่งความรักของเรา            คุณเห็นไหมว่าเราจะจดจำมันตลอดไปว่าขณะที่หิมะปกคลุมพื้นดินเราพบโลกฤดูหนาวแห่งความรักของเราBecause the nights are longer, We'll have the time to say such tender things Before each day. Oh, oh. Oh, oh.            เพราะว่ากลางคืนยาวนานขึ้น            เราจะมีเวลาได้พูดคุยกันเรื่องเบาๆ            ก่อนที่จะถึงแต่ละวัน            โอ้...โอ้...            โอ้...โอ้...And then, when love is stronger, Perhaps, you'll give your heart And promise that we'll never part, oh, no.And at the end of every year, I'll be so glad to have you near.            และแล้วเมื่อความรักแข็งแกร่งขึ้น            บางที คุณจะให้หัวใจของคุณ            และสัญญาว่าเราจะไม่มีวันพรากจากกัน โอ้...โอ้...            และตอนท้ายของแต่ละปี            ผมจะยินดีมากที่มีคุณอยู่ใกล้ We'll find a winter world of love, 'Cause love is warmer in December. My darlin', stay here in my arms Till summer comes along            เราจะพบกับโลกฤดูหนาวแห่งความรัก เพราะว่าความรักอบอุ่นขึ้นในเดือนธันวาคม            ที่รักของผม จงอยู่ที่นี่ในอ้อมกอดของผม            จนกว่าฤดูร้อนย่างเข้ามาAnd in our winter world of love, You see, we always will remember That as the snow lay on the ground, We found our winter world of love.            และในโลกของฤดูหนาวของความรักของเรา            คุณเห็นไหมว่าเราจะจดจำมันตลอดไปว่าขณะที่หิมะปกคลุมพื้นดินเราพบโลกฤดูหนาวแห่งความรักของเราVocabulary Itemscolder (adj) = หนาวกว่าcome along (v) = ตามมาDecember (n) = เดือนธันวาคมdie (v) = ดับ มอดดับ ตายfirelight (n) = แสงไฟglad (v) = ยินดีhold (v) = จับยึด lead through (v) = นำพาไปlonger (adj) = ยาวกว่าเดิม ยาวขึ้นolder (adj) = แก่กว่าpart (v) = แยกจากกันperhaps (adv) = บางทีpromise (v) = สัญญาsnow (n) = หิมะstronger (adj) = แข็งแรงกว่า แข็งขึ้นsummer (n) = ฤดูร้อนtender (adj) = นุ่มนวล เบาๆtight (adj) = แน่นtill (adv) = จนกระทั่ง จนกว่าwarmer (adj) = อบอุ่นกว่า อบอุ่นขึ้นwinter (n) = ฤดูหนาวwhile away (adv) = ใช้เวลาอย่างไม่เร่งรีบ
11 มิถุนายน 2563     |      522
Wild is the Wind
Wild is the Wind (รุนแรงตามธรรมชาติคือสายลม)Johnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love me, love me; say you do Let me fly away with you For my love is like the wind And wild is the wind Give me more than one caress; Satisfy this hungriness Let the wind blow through your heart For wild is the windรักผม รักผม พูดซิว่าคุณรักผมปล่อยให้ผมบินไปกับคุณเพราะว่าความรักของผมเหมือนสายลมและรุนแรงตามธรรมชาติคือสายลมจงให้ผมมากกว่าการเคล้าเคลียครั้งเดียวทำให้ความหิวกระหายนี้ได้รับการตอบสนองพอเพียงปล่อยให้สายลมพัดผ่านหัวใจของคุณเพราะว่ารุนแรงตามธรรมชาติคือสายลม[1] You touch me; I hear the sound of mandolins You kiss me And, with the kiss, the world begins You're spring to me, all things to me; You're life itself! Like a leaf clings to a tree Oh my darling, cling to me For we're creatures of the wind And wild is the wind, the wind Wild is my love for youคุณสัมผัสผมผมได้ยินเสียงของแมนโดลินคุณจูบผมและ ด้วยจูบนั้น โลกเริ่มต้นคุณคือฤดูใบไม่ผลิสำหรับผม เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผมคุณคือชีวิตเหมือนดั่งใบไม้ที่เกาะติดอยู่บนต้นไม้โอ้ที่รักของผม จงเกาะติดอยู่กับผมเนื่องจากเราคือสิ่งที่เกิดจากสายลมและรุนแรงตามธรรมชาติคือสายลม สายลมรุนแรงตามธรรมชาติคือความรักของผมสำหรับคุณ[1]Vocabulary Itemsblow through (v) = พัดผ่านcaress (n) = การเคล้าเคลีย การกอดจูบcling (v) = เกาะ ยึดเหนี่ยวfly away with (v) = บินหนีไปพร้อมกับhungriness (n) = ความหิว ความอดอยาก ความต้องการมากkiss (v) = จูบleaf (n) = ใบไม้life (n) = ชีวิตlike (adj) = เหมือน ดุจดั่ง เช่นเดียวกับlove (v, n) = รัก ความรักmandolin (n) = เครื่องดนตรีเครื่องสายชนิดหนึ่งsatisfy (v) = ทำให้พึงพอใจspring (n) = ฤดูใบไม้ผลิtouch (v) = สัมผัสtree (n) = ต้นไม้wild (adj) = รุนแรงตามธรรมชาติ ป่าเถื่อน ไม่เชื่อง เกิดตามธรรมชาติ ดีเยี่ยม วิเศษ (slang)wind (n) = ลม สายลม
11 มิถุนายน 2563     |      446
Whispering Pines
Whispering Pines (สนกระซิบJohnny Hortonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์The snowflakes fall as winter comes And time just seems to fly Is it the loneliness in me That makes me want to cry?ละอองหิมะตกขณะที่ฤดูหนาวย่างเข้ามาและเวลาดูเหมือนจะบินได้เลยมันเป็นเพราะความเหงาในตัวผมหรือเปล่าที่ทำให้ผมอยากร้องไห้?My heart is sad like a morning dove That's lost its mate in flight Hear the cooing of his lonely heart Through the stillness of the nightหัวใจของผมเหงาเหมือนดั่งนกพิราบในตอนเช้าซึ่งสูญเสียคู่ของมันในระหว่างบินฟังเสียงคูของหัวในที่โดดเดี่ยวของมันผ่านความสงบนิ่งของกลางคืน[1] Whispering pines, whispering pines Tell me is it so Whispering pines, whispering pines You're the one who knows My darlin' is gone, ohh, she's gone And I need your sympathyสนกระซิบ สนกระซิบเอ๋ยบอกผมซิว่ามันเป็นเช่นนั้นใช่ไหมสนกระซิบ สนกระซิบเอ๋ยเจ้าคือผู้ที่รู้ว่าคนรักของผมได้จากไปแล้ว โอ้...เธอได้หนีไปแล้วและผมต้องการความเห็นอกเห็นใจของเจ้าWhispering pines Send my baby back to me See that squirrel up in the tree His mate there on the groundสนกระซิบเอ๋ยส่งที่รักของผมกลับมา กลับมาให้ผมดูกระรอกที่อยู่บนต้นไม้นั่นซิคู่ของมันอยู่บนพื้นตรงนั้นHear their barking call of love For the happiness they've found Is my love still my love, ohh, this I gotta know Send the message by the wind Because I love her soฟังเสียงมันร้องเรียกหาคู่ของมันอย่างมีความสุขที่มันได้พบคนรักของผมยังคงเป็นคนรักของผมหรือเปล่า โอ้...สิ่งนี้ผมอยากรู้จงส่งข้อความมาทางสายลมเพราะว่าผมรักเธอมาก[1]Vocabulary Itemsbark (v) = เห่าbarking call (n) = การเห่าเรียกของสัตว์บางชนิด เช่น กระรอก และสุนัข เป็นต้นcooing (n) = การส่งเสียงคูเรียกของนกเขา หรือนกพิราบdove (n) = นกพิราบhappiness (n) = ความสุขin flight (adj) = เกิดขึ้นมีได้ในระหว่างบินloneliness (n) = ความเหงา ความโดดเดี่ยว ความอ้างว้างmate (n) = คู่ คนที่อยู่ร่วมกันmessage (n) = ข้อความ ข่าวสารmorning (n) = ตอนเช้าpine (n) = ต้นสนsnowflake (n) = ละอองหิมะstillness (n) = ความสงบนิ่งsympathy (n) = ความเห็นอกเห็นใจtime just seems to fly = เวลาดูเหมือนจะบินได้เลย เวลาผ่านไปเร็วเหมือนมีปีกบินwhisper (v) = กระซิบwhispering pine (n) = ต้นสนกระซิบ เสียงลมพัดต้นสนเกิดเสียงเบาๆเหมือนกระซิบwind (n) = ลมwinter (n) = ฤดูหนาว
11 มิถุนายน 2563     |      771
Where Did All the Good Times Go
Where Did All the Good Times Goเวลาที่ดี ๆทั้งหมดหายไปไหนDonny Osmondแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์It's time to leave you ‘Cause I got nothing more to give I've got to begin to live We've been lonely together too long Oh it's hard to leave you But it's very much harder to stay The good times are goneมันได้เวลาที่จะทิ้งคุณ เพราะผมไม่มีอะไรจะให้เพิ่มเติม ผมต้องเริ่มมีชีวิตอยู่ เราอยู่ด้วยกันอย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานานเกินไป โอ้...มันยากที่จะจากคุณไป แต่ว่ามันก็ยากกว่ามากที่จะอยู่ เวลาที่ดีๆหายไปแล้ว[1] But the memory's of you linger on Where did all the good times go Where did all the good times go Where did all the good times go They've gone so far awayแต่ความทรงจำเกี่ยวกับคุณยังคงวนเวียนมีอยู่ เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน มันหายไปแล้วแสนไกลThis time tomorrow I'll be learning to live on my own I thank you and I have know We've been lonely together too long It's hard to leave you But it's very much harder to stay The good times are goneเวลานี้ในวันพรุ่งนี้ ผมจะเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง ผมขอบคุณและผมรู้ว่า เราอยู่ด้วยกันอย่างโดดเดี่ยวมาเป็นเวลานานเกินไป มันยากที่จะจากคุณไป แต่ว่ามันก็ยากกว่ามากที่จะอยู่ เวลาที่ดีๆหายไปแล้ว[1]Oh baby [2] Where did all the good times go Where did all the good times go Where did all the good times go They've gone so far awayโอ้...ที่รัก เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน เวลาที่ดีๆทั้งหมดหายไปไหน มันหายไปแล้วแสนไกล[2]Vocabulary Itemsbaby (n) = ที่รักbegin (v) = เริ่มต้นhard (adj) = ยากharder (adj) = ยากกว่าleave (v) = ละจาก ละทิ้งlinger on (v) = อ้อยอิ่ง วนเวียนlive (v) = อาศัย มีชีวิตอยู่lonely (adv, adj) = โดดเดี่ยว อยู่ตามลำพัง เหงาmemory (n) = ความทรงจำon my own = ตามลำพังของผมso far away = ห่างไกลมาก แสนไกล
11 มิถุนายน 2563     |      539
I Have Nothing
I Have Nothing (ฉันไม่มีอะไรเลยWhitney Houstonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Share my life Take me for what I am 'Cause I'll never change All my colors for you Take my love I'll never ask for too much Just all that you are And everything that you doใช้ร่วมกันชีวิตของฉัน รับฉันอย่างที่ฉันเป็น เพราะฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สีของฉันทั้งหมดเพื่อคุณเลย รับความรักของฉัน ฉันจะไม่ขอมากเกินไป เพียงแต่ทุกอย่างที่คุณเป็นเท่านั้น และทุกสิ่งที่คุณทำ[1] I don't really need to look Very much further I don't want to have to go Where you don't follow I will hold it back again This passion inside Can't run from myself There's nowhere to hideฉันไม่จำเป็นต้องดูจริงๆ มากมายกว่านี้ ฉันไม่ต้องการที่จะต้องไป ที่ที่คุณไม่ได้ติดตาม ฉันจะระงับมันอีกครั้ง เรื่องความอยากนี้ไว้ภายใน ไม่สามารถหนีจากตัวเองได้ ไม่มีที่ไหนที่จะหลบซ่อนDon't make me close one more door I don't want to hurt anymore Stay in my arms if you dare Or must I imagine you there Don't walk away from me I have nothing, nothing, nothing If I don't have you, you, you, you, youอย่าทำให้ฉันปิดอีกหนึ่งประตู ฉันไม่ต้องการเจ็บอีกต่อไป อยู่ในอ้อมแขนของฉันถ้าคุณกล้า หรือฉันต้องจินตนาการว่าคุณที่นั่น อย่าเดินหนีจากฉันไป ฉันไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย ถ้าฉันไม่มีคุณ คุณ คุณ คุณ คุณYou see through Right to the heart of me You break down my walls With the strength of your love, hm I never knew Love like I've known it with you Will a memory survive One I can hold on toคุณมองเห็นทะลุ ตรงเข้าไปในหัวใจของฉัน คุณพังกำแพงของฉัน ด้วยพลังแห่งความรักของคุณ ฉันไม่เคยรู้เลย เรื่องความรักเหมือนที่ฉันรู้จักกับคุณ ความทรงจำที่ฉันยึดเหนี่ยวอยู่อย่างหนึ่ง จะยังเหลืออยู่หรือไม่หนอ [1]Don't make me close one more door I don't want to hurt anymore Stay in my arms if you dare Or must I imagine you there Don't walk away from me I have nothing, nothing, nothingอย่าทำให้ฉันปิดอีกหนึ่งประตู ฉันไม่ต้องการเจ็บอีกต่อไป อยู่ในอ้อมแขนของฉันถ้าคุณกล้า หรือฉันต้องจินตนาการว่าคุณที่นั่น อย่าเดินหนีจากฉันไป ฉันไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย Don't make me close one more door I don't want to hurt anymore Stay in my arms if you dare Or must I imagine you there Don't walk away from meอย่าทำให้ฉันปิดอีกหนึ่งประตู ฉันไม่ต้องการเจ็บอีกต่อไป อยู่ในอ้อมแขนของฉันถ้าคุณกล้า หรือฉันต้องจินตนาการว่าคุณที่นั่น อย่าเดินหนีจากฉันไป No, don't walk away from me Don't you dare walk away from me I have nothing, nothing, nothing If I don't have you, you If I don't have you, oh youอย่า อย่าเดินหนีจากฉันไป คุณอย่าลองดีเดินหนีจากฉันไป ฉันไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย ถ้าฉันไม่มีคุณ คุณ ถ้าฉันไม่มีคุณ ไม่มีคุณVocabulary Itemsbreak down (v) = พังทลายchange (v) = เปลี่ยนแปลงclose (v) = ปิดdare (v) = กล้า ลองดีdoor (n) = ประตูfollow (v) = ติดตามfurther (adv) = มากขึ้นhide (v) = แอบซ่อน ซุกซ่อน หลบซ่อนhold back (v) = ยับยั้งhold on (v) = ยึดเหนี่ยว ยึดถือไว้hurt (v) = ทำให้เจ็บปวด ทำร้ายimagine (v) = จินตนาการmemory (n) = ความทรงจำpassion (n) = ความกระหายอยาก ดำกฤษณาreally (adv) = จริงๆright to the heart = ตรงไปยังหัวใจrun from (v) = วิ่งหนีsee through (v) = มองทะลุshare (v) = แบ่งปัน ใช้ร่วมกันstrength (n) = ความแข็งแกร่ง พละกำลังsurvive (v) = มีชีวิตรอด เอาชีวิตรอด ยังคงเหลืออยู่wall (n) = กำแพงExpressionsI'll never change all my colors for you. = ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันเป็นทั้งหมดเพื่อคุณเลยTake me for what I am. = ยอมรับฉันอย่างที่ฉันเป็นอยู่
11 มิถุนายน 2563     |      4930
True Love
True Love (ความรักแท้Ken Doddแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Sun tanned wind blownHoneymooners at last aloneFeeling far above parOh how lucky we areสีคล้ำด้วยแดด ถูกลมพัด            เป็นผู้มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ตามลำพังในที่สุด            มีความรู้สึกสุขล้นเกินธรรมดา            โอ้...เราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้While I give to you and you give to meTrue love true loveSo on and on it'll always beTrue love true loveFor you and IHave a guardian angel on highWith nothing to do               ขณะที่ผมให้คุณและคุณให้ผม               ความรักแท้ ความรักแท้               ตลอดไป และตลอดไป มันจะเป็นเช่นนี้เสมอ               ความรักแท้ ความรักแท้               เพราะว่าคุณและผม               มีเทวดาผู้พิทักษ์ที่อยู่เบื้องบน               โดยไม่ต้องทำอะไรเลยBut to give to you and to give to meLove forever trueFor you and IHave a guardian angel on highWith nothing to doBut to give to you and to give to meLove forever trueLove forever true               นอกจากให้คุณและให้ผม               มีความรักที่แท้จริงตลอดไป               เพราะว่าคุณและผม               มีเทวดาผู้พิทักษ์ที่อยู่เบื้องบน               โดยไม่ต้องทำอะไรเลย               นอกจากให้คุณและให้ผม               มีความรักที่แท้จริงตลอดไป               มีความรักที่แท้จริงตลอดไปVocabulary Itemsblow (v) = พัดfar above par = สุขล้นเกินธรรมดาfeeling (n) = ความรู้สึกforever (adv) = ชั่วนิจนิรันดร์guardian angel (n) = เทวดาผู้พิทักษ์honeymooner (n) = ผู้มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ คนรักข้าวใหม่ปลามัน คู่แต่งงานใหม่ๆHow lucky we are. = เราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้par (n) = ค่าเฉลี่ย ความเป็นปกติso on and on = ตลอดไปsun tanned (adj) = สีคล้ำด้วยแดดtrue (adj) = แท้จริงwind (n) = ลม
9 มิถุนายน 2563     |      392
Was I Dreamin'
Was I Dreamin'ผมกำลังฝันหรือเปล่าThe Cascadesแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Was I dreamin', when I kissed you tonight Was I dreamin', when I held you so tight? Was I really there alone with you, Or was that a dream, too?ผมกำลังฝันใช่ไหมตอนที่ผมจูบคุณเมื่อคืนนี้? ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่าเมื่อผมกอดคุณแน่นมาก ผมอยู่ที่นั่นกับคุณคนเดียวจริง ๆหรือ? หรือว่ามันเป็นความฝันด้วยเหมือนกันWas I dreamin', or where you there with me? Was I dreamin', or could it really be That I heard you whisper, I love you? Or was that a dream, or was that a dream, too?ผมกำลังฝันอยู่หรือว่าคุณอยู่ตรงนั้นกับผม? ผมกำลังฝันหรือว่ามันอาจเป็นความจริงใช่ไหม ที่ผมได้ยินคุณกระซิบว่า ฉันรักคุณ หรือว่าเป็นความฝัน หรือว่านั่นเป็นความฝันด้วยเช่นเดียวกัน[1] It seems I've spent so many nights Just dreamin' dreams of you. And now, I really can't be sure If all of this is really true.ดูเหมือนว่าผมจะใช้เวลาหลายคืน เพียงแค่ฝัน ฝันถึงคุณ และตอนนี้ผมไม่แน่ใจจริง ๆว่า ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ๆหรือเปล่า [2] Was I dreamin', or were you really there? Was I dreamin', or do you really care? Did I hear you say, you'd love me true? Or was that a dream, or was that a dream, too?ผมกำลังฝันอยู่หรือว่าคุณอยู่ที่นั่นจริง ๆใช่ไหม? ผมกำลังฝัน หรือคุณสนใจใยดีผมจริง ๆหรือเปล่า ผมได้ยินคุณพูดว่า คุณรักผมอย่างแท้จริงใช่ไหม? หรือว่าเป็นความฝัน หรือว่านั่นเป็นความฝันด้วยเช่นเดียวกัน[1][2]Or was that a dream, too? (Dream, dream, dream, dream)หรือว่านั่นเป็นความฝันด้วยเช่นเดียวกัน? ความฝัน ความฝัน ความฝัน ความฝัน)Vocabulary Itemsdream (v, n) = ฝัน ความฝันdreamin’ / dreaming = กำลังฝันhold, held, held (v) = กอด ยึดเหนี่ยว kiss (v) = จูบreally (adv) = อย่างแท้จริงtight (adj) = แน่นtrue (adj) = แท้จริงwhisper (v) = กระซิบ
9 มิถุนายน 2563     |      437
There's a Reason
There's a ReasonมีเหตุผลThe Cascadesแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์There's a reason for a snowfall A reason why a tree's tall A reason why a star is bright A reason why the moon glows A reason why the wind blows A reason why it's dark at nightมีเหตุผลสำหรับหิมะตก เหตุผลว่าทำไมต้นไม้จึงสูง เหตุผลว่าทำไมดาวจึงสว่างสดใส เหตุผลว่าทำไมดวงจันทร์จึงส่องแสง เหตุผลว่าทำไมลมจึงพัดที่ลมพัด เหตุผลว่าทำไมมันจึงมืดในเวลากลางคืนBut I don't know why I should cry Just because you said goodbyeแต่ผมไม่รู้ว่าทำไมผมควรร้องไห้ เพียงเพราะว่าคุณบอกลาThere must be a reason I like to know why Oh why, oh I like to knowจะต้องมีเหตุผล ผมอยากรู้ว่าทำไม โอ้...ทำไม  โอ้...ผมอยากรู้There's a reason for a sunbeam A reason for a daydream A reason why the desert's dry A reason why a stream falls A reason why there's rainbows A reason for a cloudy skyมีเหตุผลสำหรับแสงตะวัน เหตุผลสำหรับการฝันกลางวัน เหตุผลว่าทำไมทะเลทรายจึงแห้ง สาเหตุว่าทำไมสายน้ำจึงไหลตก เหตุผลที่มีรุ้งกินน้ำ เหตุผลสำหรับท้องฟ้าที่มีเมฆมากI'd like to know whyผมอยากรู้ว่าทำไมThere was a time when I could smile We'd sit and talk of us while, Times I never got your love And thanked my lucky stars aboveมีบางเวลาที่ผมยิ้มได้ ขณะที่เราอาจนั่งคุยกันระหว่างเรา เวลาผมไม่เคยได้รับความรักของคุณ และขอบคุณดาวนำโชคของผมเบื้องบนThere must be a reason I'd like to know why (Why, oh why, why I'd like to know) Please tell me why I wanna know whyจะต้องมีเหตุผล ผมอยากรู้ว่าทำไม ทำไม โอ้...ทำไม ทำไมผมถึงอยากรู้) โปรดบอกผมทีว่าทำไม ผมอยากรู้ว่าทำไมVocabulary Itemsblow (v) = พัดbright (adj) = สว่างสดใสcloudy (adj) = มีเมฆมากdark (adj) = มืด ดำdaydream (n) = การฝันกลางวันdesert (n) = ทะเลทรายdry (adj) = ห้องแล้งfall (v) = ตกglow (v) = ส่งแสง เรืองแสงlucky star (n) = ดาวนำโชคmoon (n) = ดวงจันทร์rainbow (n) = รุ้งกินน้ำreason (n) = เหตุผลsky (n) = ท้องฟ้าsnowfall (n) = การที่หิมพตกstar (n) = ดวงดาวstream (n) = ลำธาร ลำน้ำsunbeam (n) = ลำแสงอาทิตย์tall (adj) = สูงtree (n) = ต้นไม้wind (n) = ลม
9 มิถุนายน 2563     |      266
When Sunny Gets Blue
When Sunny Gets Blue (เมื่อ Sunny เศร้าJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์When Sunny gets blue Her eyes get gray and cloudy Then the rain begins to fall Pitter patter, pitter patter Love is gone so what can matter No sweet lovin' man comes to callเมื่อ Sunny เศร้า ดวงตาของเธอเป็นสีเทาและมืดดำ จากนั้นฝนก็เริ่มตก เสียงดังจักๆ เสียงดังจักๆ ความรักหายไป ดังนั้นอะไรสำคัญล่ะ ไม่มีผู้ชายที่น่ารักโทรเข้ามาเลยWhen Sunny gets blue She breathes a sigh of sadness Like the wind that stirs the trees Wind that sets the leaves to swayin' Like some violins are playin' Weird and haunting melodiesเมื่อ Sunny เศร้า เธอถอนหายใจพร้อมสัญญาณแห่งความเศร้า เหมือนดั่งสายลมที่พัดเขย่าต้นไม้ สายลมที่ทำให้ใบไม้แกว่งไกวไปมา เช่นเดียวกับไวโอลินบางตัวกำลังบรรเลงเพลงด้วย ท่วงทำนองที่แปลกและหลอกหลอนPeople used to love to Hear her laugh, see her smile That's how she got her name Since that sad affair She's lost her smile Changed her style Somehow she's not the sameคนเคยรักที่จะ ได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ เห็นรอยยิ้มของเธอ นั่นคือที่มาที่เธอได้รับชื่อของเธอ ตั้งแต่เรื่องเศร้า ๆ นั้น เธอสูญเสียรอยยิ้มของเธอ เปลี่ยนสไตล์ของเธอ ด้วยเหตุบางอย่างเธอก็ไม่เหมือนเดิมBut mem'ries will fade And pretty dreams will rise up Where her other dreams fell through Hurry, new love, hurry here To kiss away each lonely tear And hold her near when Sunny gets blueแต่ความทรงจำจะจางหายไป และความฝันที่สวยงามจะเกิดขึ้น ณ ที่ความฝันอื่น ๆ ของเธอล้มเหลว รีบๆหน่อย รักใหม่ รีบๆมาตรงนี้ เพื่อจูบแต่ละหยดน้ำตาที่เหงาให้หายไป และกอดเธอไว้ใกล้ ๆ เมื่อ Sunny เศร้าHurry, new love, hurry here To kiss away each lonely tear And hold her near when Sunny gets blueรีบๆหน่อย รักใหม่ รีบๆตรงนี้ เพื่อจูบแต่ละหยดน้ำตาที่เหงาให้หายไป และกอดเธอไว้ใกล้ ๆ เมื่อ Sunny เศร้าVocabulary Itemsblue (adj) = เศร้าbreathe (v) = หายใจchange (v) = เปลี่ยนfade (v) = เลือนหายไป ค่อยๆหายไปfell through (v) = ล้มเหลวget blue (v) = เศร้าget gray and cloudy (v) = เป็นสีเทาและมืดดำhaunting (adj) = หลอกหลอนhold (v) = กอด ยึดเหนี่ยวhurry (v) = เร็วๆเข้า เร็วๆหน่อยkiss away (v) = จูบให้อาการบางอย่างหายไป จูบอย่างดูดดื่มยาวนานlaugh (v,n) = หัวเราะ เสียงหัวเราะleaf, leaves (n) = ใบไม้lonely (adj) = เหงา โดดเดี่ยวlose, lost, lost (v) = สูญเสียlove is gone = ความรักหายไป melody (n) = ทำนอวเพลงmemory (n) = ความทรงจำNo sweet loving man comes to call = ไม่มีผู้ชายคนรักที่น่ารักโทรเข้ามาเลยpitter patter, pitter patter = เสียงดังจักๆ เสียงดังจักๆpretty (adj) = สวยงาม น่ารักrise up (v) = เกิดขึ้น เจริญเติบโตขึ้นsad affair (v) = เรื่องเศร้าsigh of sadness = สัญญาณแห่งความเศร้าsmile (v,n) = ยิ้ม การยิ้มso what can matter = ดังนั้นอะไรสำคัญล่ะsomehow (adv) = ด้วยเหตุบางอย่างstir (v) = เขย่า กวนstyle (n) = รูปแบบ กริยาท่าทางsway (v) = แกว่งไกวไปมาtear (n) = น้ำตาthen the rain begins to fall = จากนั้นฝนก็เริ่มตกน้ำตาก็เริ่มไหลused to (v) = เคยviolin (v) = ไวโอลินweird (adj) = แปลกประหลาดwind (n) = ลม
9 มิถุนายน 2563     |      408
When It's Springtime in Alaska
When It's Springtime in Alaskaเมื่อมันเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ AlaskaJohnny Hortonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I mushed from Point Barrow through blizzard of snow. Been out prospectin' for two years or so. Pulled into Fairbanks, the city was a-boom. So I took a little stroll to the Red Dog sea-loon (Saloon).ผมขับขี่ล้อเลื่อนหิมะจากเมือง Point Barrow ผ่านพายุหิมะ ออกค้นหาสมบัติในดินเป็นเวลาสองปีหรือมากกว่านั้น แวะจอดที่ Fairbanks เมืองที่เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นผมจึงเดินเล่นเล็กน้อยไปที่ร้านขายเหล้าชื่อ Red DogAs I walked in the door, the music was clear. The purtiest voice I had heard in two years. The song she was singin' made a man's blood run cold. When its springtime in Alaska it's forty below. (When it's springtime in Alaska it's forty below.)ขณะที่ผมเดินเข้าประตู เสียงดนตรีก็ดังชัดเจน เสียงที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาตลอดในสองปี เพลงที่เธอร้องเพลงทำให้เลือดของผู้ชายเย็นชา รู้สึกน่ากลัวมาก เมื่อฤดูใบไม้ผลิใน Alaska อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศา เมื่อฤดูใบไม้ผลิใน Alaska อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาIt was Redhead Lil who was singin' so sweet. I reached down and took the snow packs off my feet. I reached for the gal who was singin' the tune. We did the eskeemo hop all around the sea-loon. (Saloon).มันคือ Redhead Lil ผู้ที่กำลังร้องเพลงที่แสนหวาน ผมเอื้อมมือลงและเอาหิมะที่ติดอยู่ออกจากเท้าของผม ผมเอื้อมมือไปหาสาวที่กำลังร้องเพลงอยู่ เราเต้นจังหวะ Eskimo Hop ไปรอบ ๆ ร้านขายเหล้าWith a caribou crawl and a grizzly bear hug. We did our dance on a kodiak rug. The song she kept singin' made a man's blood run cold. When it's springtime in Alaska it's forty below.ด้วยท่าเต้นกวาง Caribou คลานและท่าหมีใหญ่สีน้ำตาลกอดกัน เราเต้นรำบนพรมที่ทำจากเมือง Kodiak (ใน Alaska) เพลงที่เธอร้องเพลงทำให้เลือดของผู้ชายเย็นชารู้สึกน่ากลัวมาก เมื่อฤดูใบไม้ผลิใน Alaska อุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศา I was as innocent as I could be. I didn't know Lil was Big Ed's wife-to-be. He took out his knife and he gave it a throw. When it's springtime in Alaska I'll be six feet below. (When it's springtime in Alaska he'll be six feet below.)ผมไร้เดียงสาเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมไม่รู้ว่า Lil คือคนที่จะเป็นภรรยาในอนาคตของ Big Ed เขาหยิบมีดออกมาและขว้างมันปักข้างฝา เมื่อมันเป็นฤดูใบไม้ผลิใน Alaska ผมจะสูงน้อยกว่าหกฟุต เมื่อมันเป็นฤดูใบไม้ผลิใน Alaska ผมจะสูงน้อยกว่าหกฟุตVocabulary Items(have) been out (v) = ออกจากบ้านมานานแล้วa-boom (n) = เมืองที่กำลังเจริญblizzard of snow (n) = พายุหิมะcaribou (n) = กวางขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งแถบขั้วโลกเหนือclear (adj) = ดังชัดเจนcrawl (v) = คลานFairbanks (n) = ชื่อเมืองใน Alaskaforty below = ต่ำกว่า 40 องศาgal (n) = หญิงสาวgive it (the knife) a throw = ขว้างมีด ไปติดผนังห้องgrizzly bear (n) = หมีสีน้ำตาลขนาดใหญ่ hug (v) = กอดmush (v) = ส่งเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้สุนัขลากเลื่อนทำงานinnocent (adj) = ไร้เดียงสา kodiak rug (n) = พรมชนิดหนึ่งทำจากเมือง Kodiak ซึ่งอยู่ที่ Alaskamake someone’s blood run cold = ทำให้เลือดเย็นชารู้สึกน่ากลัวมากmusic (n) = ดนตรีPoint Barrow (n) = ชื่อเมืองหนึ่งใน Alaskaprospecting (n) = สมบัติที่ฝังอยู่ในดิน เช่น ทอง เพชร พลอย เป็นต้นpull into (v) = แวะจอดpurtiest /prettiest) (adj) = น่ารักที่สุดreach down (v) = เอื้อมลงต่ำreach for (v) = เอื้อมมือไปยังRedDog Sea-loon (saloon) = ชื่อเมืองเล็กๆใน Alaskasix feet below = สูงน้อยกว่า 6 ฟุตsnow pack (n) = ก้อนหิมะspringtime (n) = ช่วงฤดูใบไม้ผลิstroll (v) = เดินเล่นsweet (adj) = หวานthrough (prep) = ผ่านwife-to-be (n) = อนาคตภรรยา ผู้ที่จะเป็นภรรยาในอนาคต
9 มิถุนายน 2563     |      273
ทั้งหมด 42 หน้า