What Will My Mary Say
What Will My Mary Sayแมรี่ของผมจะพูดอะไรJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] I must be going (don't go) My heart is showing (don't go) I better hurry away If I don't leave I'll be sorry What will my Mary sayผมต้องไปแล้ว (อย่าไป) หัวใจของผมกำลังบอกให้รู้ (อย่าไป) ผมรีบไปเลยดีกว่า ถ้าผมไม่จากไป ผมจะเสียใจ Mary ของผมจะพูดอะไรYour lips are thrilling My arms are willing I know that I shouldn't stay If I don't leave I'll be sorry What will my Mary sayริมฝีปากของทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก แขนของผมก็เต็มใจ ผมรู้ว่าผมไม่ควรอยู่ ถ้าผมไม่จากไป ผมจะเสียใจ Mary ของผมจะพูดอะไรWhat would I do if she should meet me And find me kissing you She's always trusted me completely Her poor heart would break in twoผมควรจะทำอะไรถ้าเธอพบผม และพบผมกำลังจูบคุณ เธอเชื่อใจผมอย่างเปี่ยมล้น หัวใจที่น่าสงสารของเธอจะแตกเป็นสองเสี่ยง[1]If I don't leave I'll be sorry What will my Mary say What Will My Mary Sayถ้าผมไม่จากไป ผมจะเสียใจ Mary ของผมจะพูดอะไร Mary ของผมจะพูดอะไรVocabulary Itemsbreak in two = แตกเป็นสองเสี่ยงcompletely (adv) = อย่างเปี่ยมล้น อย่างสมบูรณ์ hurry away (v) = รีบเร่งออกไปleave (v) = จากไปlip (n) = ริมฝีปากshow (v) = บอกให้รู้ แสดงให้รู้sorry (adj) = เสียใจ thrilling (adj) = ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากtrust (v) = เชื่อใจ ไว้ใจWhat would I do if she should meet me. = ผมควรจะทำอะไรถ้าเธอพบผมประโยคเงื่อนไขชนิดที่ 2willing (adj) = เต็มใจที่จะทำ
9 มิถุนายน 2563     |      238
The Most Beautiful Girl
The Most Beautiful Girl (ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] Hey, did you happen to see the most beautiful girl in the world today? And if you did, was she crying, crying? Hey, if you happen to see the most beautiful girl that walked out on me Tell her I'm sorry Tell her I need my baby Won't, won't you tell her that I love herเฮ้...คุณบังเอิญเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกวันนี้หรือเปล่า? และถ้าคุณเห็น เธอกำลังร้องไห้ กำลังร้องไห้หรือเปล่า เฮ้...ถ้าคุณบังเอิญเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เดินหนีจากผมไป จงบอกเธอว่า ผมขอโทษ บอกเธอว่า ผมต้องการที่รักของผม คุณจะไม่บอก คุณจะไม่บอกเธอหรือว่าผมรักเธอ?I woke up this morning, realized what I had done I stood alone in the cold gray dawn I knew I'd lost my morning sun I lost my head and I said some things Now come the heartaches that the morning brings I know I'm wrong and I couldn't see I let my world slip away from meผมตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ รู้ตัวว่าผมได้ทำอะไรลงไป ผมยืนอยู่คนเดียวตอนรุ่งอรุณสีเทาหนาวเย็น ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียแสงแดดยามเช้าของผมไปแล้ว ผมอารมณ์เสียและพูดอะไรบางอย่าง ตอนนี้มีอาการความปวดใจที่เกิดขึ้นในตอนเช้า ผมรู้ว่าผมผิดและผมมองไม่เห็นว่าผิด ผมปล่อยให้โลกของผมหลุดลอยไปจากผม[1]If you happen to see the most beautiful girl that walked out on me Tell her I'm sorry Tell her I need my babyถ้าคุณบังเอิญเห็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่เดินหนีจากผมไป จงบอกเธอว่า ผมขอโทษ บอกเธอว่า ผมต้องการที่รักของผม Vocabulary Itemsbaby (n) = ที่รักbeautiful (adj) = สวยcold (adj) = หนาวเย็นcry (v) = ร้องไห้dawn (n) = ตอนรุ่งอรุณgray (adj) = สีเทาhappen to see (v) = พบโดยบังเอิญheartache (n) = อาการความปวดใจI had lost my morning sun. = ผมได้สูญเสียแสงแดดยามเช้าของผมไปแล้วI lost my head. = ผมอารมณ์เสียrealize (v) = รู้ตัว ตระหนักรู้slip away from = หลุดลอยไปจากTell her I'm sorry. = จงบอกเธอว่า ผมขอโทษwalk out on (v) = เดินหนีออกไปจาก
8 มิถุนายน 2563     |      281
The Last Waltz
The Last Waltzเพลงจังหวะวอลทซ์สุดท้ายEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I wondered should I go or should I stay The band had only one more song to play And then I saw you out the corner of my eyes A little girl alone and so shyผมสงสัยว่าผมควรจะไปหรือควรอยู่ วงดนตรีมีอีกหนึ่งเพลงที่จะบรรเลง และแล้วผมเห็นคุณที่หางตาของผม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวและขี้อายมาก[1] I had the last waltz with you Two lonely people together I fell in love with you The last waltz should last foreverผมเต้นรำจังหวะวอลทซ์เพลงสุดท้ายกับคุณ สองคนตามลำพังด้วยกัน ผมตกหลุมรักของคุณ เพลงสุดท้ายควรจะคงอยู่ตลอดไปBut the love we had was goin' strong Through the good and bad we'd get along And then the flame of love died in your eye My heart was broken in two when you said goodbyeแต่ความรักที่เรามีดำเนินไปอย่างแข็งแกร่ง ผ่านความดีและความไม่ดีที่เราดำเนินมา และแล้วเปลวไฟแห่งความรักก็มอดดับในสายตาของคุณ หัวใจของผมแตกเป็นสองเสี่ยงเมื่อคุณบอกลาจาก[1]It's all over now Nothing left to say Just my tears and the orchestra playing La la la la la la la la la la La la la la la la la la la laตอนนี้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว            ไม่มีอะไรเหลือให้พูดถึง            มีเพียงน้ำตาของผมและวงตนตรีอุปรากรที่กำลังบรรเลงเท่านั้น            ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...            ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...[1]La la la la la la la la la la            ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...ลา...Vocabulary Itemsalone (adj, adv) = อยู่ตามลำพัง อยู่คนเดียวband (n) = วงดนตรีgoing strong = ดำเนินไปอย่างแข็งแกร่งlast waltz (n) = เพลงจังหวะวอลทซ์เพลงสุดท้ายorchestra (n) = วงอุปรากร วงดนตรีขนาดใหญ่shy (adj) = ขี้อายtear (n) = น้ำตาwe would get along. เราดำเนินมาwonder (v) = สงสัยExpressionscorner of my eyes = หางตา เหลือบมองไปเห็นfall in love with you = ตกหลุมรักคุณ หลงรักคุณflame of love died in your eye = เปลวไฟแห่งความรักก็มอดดับในสายตาของคุณIt's all over now. = ตอนนี้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้วlast forever = คงอยู่ตลอดไปMy heart was broken in two = หัวใจของผมแตกเป็นสองเสี่ยงNothing is left to say. = ไม่มีอะไรเหลือให้พูดถึงthrough the good and bad = ผ่านความดีและความไม่ดี
8 มิถุนายน 2563     |      1506
Small World
Small World โลกใบเล็กJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Funny, you're a stranger who's come here, come from another town. Funny, I'm a stranger myself here. Small world, isn't it?ตลกนะ คุณเป็นคนแปลหน้าซึ่งมาที่นี่มาจากอีกเมืองหนึ่งตลกนะ ผมเองก็เป็นคนแปลกหน้าที่นี่โลกมันใบเล็ก ใช่ไหม?Funny, you're a girl goes traveling rather than settling down. Funny, 'cause I'd love to go traveling. Small world, isn't it?ตลกนะ คุณเป็นผู้หญิงที่เดินทางท่องเที่ยวแทนที่จะลงหลักปักฐานตลกนะ เพราะว่าผมรักการท่องเที่ยวโลกมันใบเล็ก ใช่ไหม?We have so much in common, it's a phenomenon. We could pool our resources by joining forces from now on.เรามีหลายอย่างเหมือนกันมันเป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติเราสามารถรวมทรัพยากรของเราเข้าด้วยกันโดยการรวมพลังตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปLucky, you're a girl who likes children. That's an important sign. Lucky, ‘cause I’d love to have children. Small world, isn't it? Small and funny and fine!โชคดี คุณเป็นผู้หญิงที่ชอบเด็ก            นั่นเป็นสัญญานที่สำคัญ            โชคดี เพราะว่าผมอยากจะมีเด็กโลกมันใบเล็ก ใช่ไหม?เล็ก และตลก และใช้ได้ดี!Lucky, ‘cause I’d love to have children. Small world, isn't it? Small and funny and fine!โชคดี เพราะว่าผมอยากจะมีเด็กโลกมันใบเล็ก ใช่ไหม?เล็ก และตลก และใช้ได้ดี!Vocabulary Items‘cause / because (conj) = เพราะว่าchild, children (n) = เด็ก เด็กๆfine (adj) = ใช้ได้ดี okforce (n) = พละกำลังfrom now on = ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปfunny (adj) = ตลก ขบขันimportant (adj) = สำคัญin common = เหมือนกันjoin (v) = ร่วมกัน เชื่อมเข้าด้วยกันphenomenon (n) = ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติpool (v) = รวมกันresource (n) = ทรัพยากรsettle down (v) = ลงหลักปักฐาน ตั้งถิ่นฐานsign (n) = สัญญานstranger (n) = คนแปลกหน้าtravel (v) = ท่องเที่ยว
8 มิถุนายน 2563     |      291
She Gave Sweet Love to Me
She Gave Sweet Love to Meเธอให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผมJohnny Tillotsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Everywhere I go, no matter who I see I can't forget that little girl who gave sweet love to me. Her lips so soft and sweet are just a memory I'll always love that little girl who gave sweet love to me.ทุกหนทุกแห่งที่ผมไป ไม่ว่าใครก็ตามที่ผมพบเห็น ผมไม่สามารถลืมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นั้น ซึ่งให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผมได้ ริมฝีปากเธอที่นุ่มและหวานมากยังเป็นเพียงความทรงจำ ผมจะรักเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนั้น ซึ่งให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผมตลอดไปI can't forget the time, the time she went away I still believe that she'll return return to me some day.The sun don't shine so bright the world looks dark to me since I lost that little girl who gave sweet love to me.ผมไม่สามารถลืมเวลา เวลาที่เธอเดินจากไปได้ ผมยังคงเชื่อว่า เธอจะกลับมา กลับมาหาผมสักวันหนึ่ง ดวงอาทิตยส่องแสงไม่สว่างมากนัก โลกมองดูมืดสำหรับผม ตั้งแต่ผมสูญเสียเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้น ซึ่งให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผมได้I wish that I could die, oh God please let it be. Oh send me back that little girl who gave sweet love to me, that little girl who gave sweet love to me ...ผมอยากจะตาย โอ้...พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย โปรดให้ผมตายเถอะ โอ้...ส่งกลับคืนมาให้ผม เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนั้น ซึ่งให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผม เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนั้น ซึ่งให้ความรักที่หวานซึ้งแก่ผมVocabulary Itemsbelieve (v) = เชื่อว่าbright (adj) = สว่าง dark (adj, n) = ดำ สีดำeverywhere (adv) = ทุกหนทุกแห่งforget (v) = ลืมforget (v) = ลืมgo away (v) = เดินจากไปI wish that i could die. = ผมอยากจะตายlet it be = ขอให้มันเป็นเช่นนั้น ขอให้ผมตายlip (n) = ริมฝีปากlose, lost, lost (v) = สูญเสียmemory (n) = ความทรงจำno matter = ไม่ว่าใคร ไม่ว่าอะไรreturn (v) = กลับมาsend back (v) = ส่งคืนshine (v) = ส่องแสงsoft (adj) = อ่อนนุ่มsweet (adj) = หวาน น่ารักsweet love (n) = ความรักที่หวานซึ้ง
8 มิถุนายน 2563     |      232
Scarborough Fair
Scarborough Fairงานเทศกาลที่ ScarboroughSimon and Garfunkelแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Are you going to Scarborough Fair? Parsley, sage, rosemary, and thyme Remember me to one who lives there She once was a true love of mineคุณกำลังจะไปที่ Scarborough Fair ใช่ไหม? ผักชีฝรั่งสะระแหน่กะเพรา และโหระพา ฝากความคิดถึงของผมไปยังคนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย หล่อนครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักที่แท้จริงของผมTell her to make me a cambric shirt (in the deep forest green) Parsley, sage, rosemary, and thyme (Tracing of sparrow on snow-crested ground) Without no seams nor needle work (Bedclothes the child of the mountain) Then she'll be a true love of mine (Sleeps unaware of the clarion call)บอกเธอให้ตัดเสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายให้ผมตัวหนึ่ง (สีเขียวขี้ม้า) ผักชีฝรั่งสะระแหน่กะเพรา และโหระพา การติดตามนกกระจอกบนพื้นที่มีหิมะปกคลุม) ไม่ให้มีตะเข็บหรือรอยเย็บผ้านะ เครื่องนอนเด็กแห่งขุนเขา) แล้วเธอจะเป็นรักแท้ของผม นอนหลับโดยไม่ทราบว่ามีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า)Tell her to find me an acre of land (A sprinkling of leaves) Parsley, sage, rosemary and thyme (Washes the grave with silvery tears) Between the salt water and the sea strands (And polishes a gun) Then she'll be a true love of mineบอกเธอให้หาที่ดินให้ผมสักหนึ่งเอเคอร์ ใบไม้ร่วงโรยปราย) ผักชีฝรั่งสะระแหน่กะเพรา และโหระพา ล้างหลุมศพด้วยน้ำตาสีเงิน) ระหว่างน้ำเค็มกับชายทะเลนะ และขัดปืนด้วย) แล้วเธอจะเป็นรักแท้ของผม Tell her to reap it with a sickle of leather (Blazing in scarlet battalions) Parsley, sage, rosemary, and thyme (Generals order their soldiers to kill) And gather it all in a bunch of heather (A cause they've long ago forgotten) Then she'll be a true love of mineบอกเธอให้เก็บเกี่ยวมันด้วยเคียวหนังสัตว์ เห็นเด่นชัดในกองพันสีแดงเข้ม) ผักชีฝรั่งสะระแหน่กะเพรา และโหระพา นายพลสั่งให้ทหารเขาให้ฆ่า) และรวบรวมมันทั้งหมดมัดเป็นฟ่อนหญ้า สาเหตุที่พวกเขาลืมไปนานแล้ว) แล้วเธอจะเป็นรักแท้ของผมAre you going to Scarborough Fair? Parsley, sage, rosemary, and thyme Remember me to one who lives there She once was a true love of mineคุณกำลังจะไปที่ Scarborough Fair ใช่ไหม? ผักชีฝรั่งสะระแหน่กะเพรา และโหระพา ฝากความคิดถึงของผมไปยังคนหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ที่นั่นด้วย หล่อนครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักที่แท้จริงของผมVocabulary Itemsacre (n) = ที่ดินขนาด 1 เอเคอร์ หรือประมาณ 2 ไร่ครึ่งbattalion (n) = กองพันทหารbedclothes (n) = ที่นอนหมอนมุ้งblaze (v) = มองเห็นชัด ลุกโชติช่วงbunch of heather (n) = ฟ่อนหญ้าcambric shirt (n) = เสื้อเชิร์ตทำจากฝ้ายclarion call (n) = เสียงโทรศัพท์เข้าdeep forest green (n, adj) = สีเขียวขี้ม้าforget, forgot, forgotten (n) = ลืมgather (v) = รวบรวมgeneral (n) = นายพลทหารgrave (n) = หลุมฝังศพgun (n) = ปืนkill (v) = ฆ่าleaf, leaves (n) = ใบไม้mountain (n) = ภูเขาneedle work (n) = งานเย็บผ้าparsley (n) = ผักชีฝรั่งชนิดหนึ่งpolish (v) = ขัดถู ขัดถูทำสะอาดreap (v) = เกี่ยวremember (v) = จำ จดจำ ฝากให้บอกrosemary (n) = ผักกะเพราชนิดหนึ่งsage (n) = ผักสะระแหน่ชนิดหนึ่งsalt water (n) = น้ำเค็มScarborough Fair = งานเทศกาลที่เมือง Scarborough ซึ่งอยู่บนฝั่งทะเลเหนือของแคว้น North Yorkshire ในอังกฤษscarlet (adj, n) = สีแดงเข้มsea strand (n) = ฝั่งทะเลseam (n) = ตะเข็บ ฝีจักร์เย็บผ้าsickle of leather (n) = เคียวทำด้วยหนังสัตว์silvery (adj) = เป็นสีเงินsnow-crested ground (n) = พื้นที่มีหิมะปกคลุมsoldier (n) = ทหารsparrow (n) = นกกระจอกsprinkle (v) = โปรยปราย ประพรม โรยเป็นละอองฝอยtear (n) = น้ำตาthyme (n) = ผักโหระพาชนิดหนึ่งto make (v) = ทำ ตัดเย็บtracing (n) = การติดตามtrue (adj) = แท้จริงunaware (adj, adv) = ไม่รู้ตัว ไม่ตระหนักรู้wash (v) = ชำระล้าง หมายเหตุที่มาของเพลงนี้ แต่งจากลำนำนิทาน (Ballard) ของประเทศอังกฤษในศตวรรษที่ 19 เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ฝากให้คนอื่นไปบอกหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักเก่าทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ (impossible tasks) หลายอย่างจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนรักที่แท้จริงของเขา เช่น ตัดเย็บเสื้อไม่ให้มีรอยตะเข็บและรอยเข็มหาที่ดินที่อยู่ระหว่างน้ำเค็มกับชายทะเลเก็บเกี่ยวพืชด้วยเคียวทำจากหนังสัตว์บางเพลงก็ขับร้องโดยนักร้องหญิงที่บอกให้ชายที่เป็นคนรักเก่าทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้บางอย่าง เช่นเดี่ยวกัน เช่นไถนาด้วยเขาแกะหว่านพืชด้วยพริกไทยเพียงหนึ่งเม็ดนวดข้าวที่กำแพงแต่ไม่ให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวงข้าวแม้แต่เม็ดเดียว
8 มิถุนายน 2563     |      2083
Sad Movies Make Me Cry
Sad Movies Make Me Cry (หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้Sue Thompsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Sa-a-a-d movies always make me cry He said he had to work so I went to the show alone They turned down the lights and turned the projector on And just as the news of the world started to begin I saw my darlin' and my best friend walk inหนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้เสมอ เขาบอกว่าเขาต้องทำงานดังนั้นฉันจึงไปยังการแสดงคนเดียว พวกเขาปิดไฟและเปิดเครื่องโปรเจคเตอร์ และทันใดที่ข่าวรอบโลกเริ่มต้นขึ้น ฉันเห็นที่รักของฉันและเพื่อนสนิทเดินเข้ามาThough I was sittin' there they didn't see And so they sat right down in front of me When he kissed her lips I almost died And in the middle of the color cartoon I started to cry.แม้ว่าฉันกำลังนั่งอยู่ที่นั่น แต่พวกเขาไม่เห็น และดังนั้นพวกเขาจึงนั่งลงตรงหน้าฉันพอดี เมื่อเขาจูบริมฝีปากของเธอฉันเกือบตาย และในช่วงกลางของการ์ตูนสีฉันเริ่มร้องไห้Oh-oh-oh sa-a-a-d movies always make me cry Oh-oh-oh sa-a-a-d movies always make me cryโอ้..โอ้..โอ้..หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้เสมอ โอ้..โอ้..โอ้..หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้เสมอAnd so I got up and slowly walked on home And mama saw the tears and said, “What's wrong?” And so to keep from telling her a lie I just said, “Sa-a-a-d movies make me cry.”            และดังนั้น ฉันลุกขึ้นและเดินกลับบ้านอย่างช้าๆ            และแม่เห็นน้ำตา และพูดว่า มีอะไรผิดพลาดหรือ?และดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการโกหกแม่            ฉันก็เพียงแต่พูดว่า “หนังเศร้าทำให้หนูร้องไห้ค่ะOh-oh-oh sa-a-a-d movies always make me cry Oh-oh-oh sa-a-a-d movies always make me cryโอ้..โอ้..โอ้..หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้เสมอ โอ้..โอ้..โอ้..หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้เสมอOoh, ooh, ooh, ooh, ooh Ooh, ooh, ooh, ooh Sa-a-a-d movies make me cry-why-whyโอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..โอ้..หนังเศร้าทำให้ฉันร้องไห้ ทำไม...ทำไม....Vocabulary Itemsalmost (adv) = เกือบ เกือบจะalone (adv) = ตามลำพัง คนเดียวalways (adv) = เสมอbest friend (n) = เพื่อนรัก เพื่อนสนิทcolor cartoon (n) = หนังการ์ตูนสีcry (v) = ร้อง ร้องไห้darling (n) = ที่รัก คนรักdie (v) = ตายjust as (adv) = ในขณะที่kiss (v) = จูบlight (n) = แสงไฟlip (n) = ริมฝีปากmama (n) = แม่middle (n) = ตรงกลางmovie (n) = หนัง ภาพยนตร์news of the world = ข่าวของโลก ซึ่งมักฉายก่อนภาพยนต์projector (n) = เครื่องฉายright in front of me = ตรงข้างกับฉันพอดีsad movie (n) = หนังเศร้าshow (n) = การแสดงstart (v) = เริ่มต้นtear (n) = น้ำตาthough (conj) = ถึงแม้ว่าto keep from telling (her) a lie = เพื่อหลีกเลี่ยงการโกหกแม่turn down (v) = หรี่ไฟturn on (v) = เปิดwalk in (v) = เดินเข้ามาWhat's wrong? = มีอะไรผิดหรือ มีอะไรผิดพลาดหรือ
8 มิถุนายน 2563     |      631
Remember I Love You
Remember I Love You (จำไว้นะ ผมรักคุณKen Doddแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Remember I love you while you're far away Remember I miss you each night and each day Remember when strangers are charmed by your smile That only a love that's true is really worthwhileจำไว้นะ ผมรักคุณขณะที่คุณอยู่ห่างไกลมากจำไว้นะ ผมคิดถึงคุณแต่ละคืนและแต่ละวันจำไว้นะ เมื่อคนแปลกหน้าหลงเสน่ห์รอยยิ้มของคุณนั่นคือคนรักคนเดียวที่แท้จริงซึ่งมีคุณค่าจริงๆ Remember when shadows are hiding the sun That now and forever you're my wonderful one Remember I love You till forever, my love That only a love that's true is really worthwhileจำไว้นะ เมื่อเงามืดกำลังบดบังดวงอาทิตย์ตั้งแต่บัดนั้นและตลอดไปคุณคือคนรักที่ยอดเยี่ยมของผมจำไว้นะ ผมรักคุณตลอดชั่วนิรันดร์ ที่รักของผมนั่นคือคนรักคนเดียวที่แท้จริงซึ่งมีคุณค่าจริงๆRemember when shadows are hiding the sun That now and forever you're my wonderful one Remember I love You till forever, my loveจำไว้นะ เมื่อเงามืดกำลังบดบังดวงอาทิตย์ตั้งแต่บัดนั้นและตลอดไปคุณคือคนรักที่ยอดเยี่ยมของผมจำไว้นะ ผมรักคุณตลอดชั่วนิรันดร์ ที่รักของผมVocabulary Itemsbe charmed (pp) = ถูกทำให้หลงใหล ถูกทำให้หลงเสน่ห์be far away = ห่างไกลมากeach (adj) = แต่ละforever (adv) = ตลอดไป ตลอดกาล ชั่วนิรันดร์hide (v) = ซ่อน แอบซ่อน หลบซ่อนmiss (v) = คิดถึงreally (adv) = จริงๆremember (v) = จำ จดจำshadow (n) = เงามืดsmile (v, n) = ยิ้ม การยิ้มstranger (n) = คนแปลกหน้าtrue (adj) = แท้จริง while (conj) = ขณะที่wonderful (adj) = วิเศษ ยอดเยี่ยมworthwhile (adj) = มีคุณค่า
8 มิถุนายน 2563     |      433
Rainy Days and Mondays
Rainy Days and Mondays (วันฝนตกและวันจันทร์The Carpentersแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Talkin' to myself and feelin' old Sometimes I'd like to quit Nothin' ever seems to fit Hangin' around Nothin' to do but frown Rainy days and Mondays always get me downพูดกับตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองแก่ บางครั้งฉันอยากจะเลิก ไม่มีอะไรเลยที่ดูเหมือนจะพอดี เที่ยวเตร่อยู่นอกบ้าน ไม่มีอะไรจะทำนอกจากขมวดคิ้ว วันที่ฝนตกและวันจันทร์ทำให้ฉันอารมณ์หดหู่เสมอWhat I've got they used to call the blues Nothin' is really wrong Feelin' like I don't belong Walkin' around Some kind of lonely clown Rainy days and Mondays always get me downสิ่งที่ฉันเป็นเขาเคยเรียกกันว่าพวกหน้าเศร้า มันไม่มีอะไรผิดจริงๆหรอก รู้สึกเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ตัวฉัน เดินไปรอบ ๆ อย่างที่ตัวตลกโดดเดี่ยวบางชนิดทำ วันที่ฝนตกและวันจันทร์ทำให้ฉันอารมณ์หดหู่เสมอFunny, but it seems I always wind up here with you Nice to know somebody loves me Funny, but it seems that it's the only thing to do Run and find the one who loves me (the one who loves me)ตลก แต่ดูเหมือนว่าฉันจะลงท้ายอยู่กับคุณที่นี่เสมอ ดีใจที่ได้รู้ว่าบางคนรักฉัน ตลก แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ วิ่งและหาคนที่รักฉัน (คนที่รักฉัน)What I feel has come and gone before No need to talk it out (talk it out) We know what it's all about Hangin' around (hangin' around) Nothin' to do but frown Rainy days and Mondays always get me downสิ่งที่ฉันรู้สึกมันเกิดขึ้นและหายไปมาก่อน ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา (พูดออกมา) เรารู้ว่าทั้งหมดนั้นมันคืออะไร เที่ยวเตร่อยู่นอกบ้านเที่ยวเตร่อยู่นอกบ้าน ไม่มีอะไรจะทำนอกจากขมวดคิ้ว วันที่ฝนตกและวันจันทร์ทำให้ฉันอารมณ์หดหู่เสมอFunny, but it seems that it's the only thing to do (only thing to do) Run and find the one who loves meตลก แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ (สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำได้ วิ่งและหาคนที่รักฉัน (คนที่รักฉัน)What I feel has come and gone before No need to talk it out We know what it's all about Hangin' around (hangin' around) Nothin' to do but frown Rainy days and Mondays always get me down Hangin' around (hangin' around) Nothin' to do but frown Rainy days and Mondays always get Me downสิ่งที่ฉันรู้สึกมันเกิดขึ้นและหายไปมาก่อน ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เรารู้ว่าทั้งหมดนั้นมันคืออะไร เที่ยวเตร่อยู่นอกบ้านเที่ยวเตร่อยู่นอกบ้าน ไม่มีอะไรจะทำนอกจากขมวดคิ้ว วันที่ฝนตกและวันจันทร์ทำให้ฉันอารมณ์หดหู่เสมอ เที่ยวเตร่อยู่นอกบ้านเที่ยวเตร่อยู่นอกบ้าน ไม่มีอะไรจะทำนอกจากขมวดคิ้ว วันที่ฝนตกและวันจันทร์ทำให้ ฉันอารมณ์หดหู่เสมอVocabulary Itemsblues (n) = พวกคนหน้าเศร้าclown (n) = ตัวตลกfeel old = รู้สึกแก่ รู้สึกปวดเมื่อยล้าfeeling like I don't belong. = รู้สึกเหมือนกับว่ามันไม่ใช่ตัวฉัน รู้สึกว่าทำอะไรๆก็ไม่ถูกใจตัวเองfit (v) = เหมาะสมfrown (v) = ขมวดคิ้วfunny (adj) = น่าขบขัน ตลกget someone down = ทำให้คนอารมณ์หดหู่hang around (v) = เที่ยวเตร่นอกบ้านhas come and gone = เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป เป็นๆหายๆlonely (adj) = โดดเดี่ยว เดียวดาย เหงา nothing is really wrong. = จริงๆก็ไม่มีอะไรผิดquit (v) = เลิก ลาออก หยุดrainy (adj) = ฝนตกชุก ฝนตกมากtalk (v) = พูดwalk around (v) = เดินไปเดินมาwind up (v) = สิ้นสุด
8 มิถุนายน 2563     |      2510
Out of My Mind
Out of My Mindเป็นบ้าคลั่งJohnny Tillotsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I just can't understand how you could hurt me so Then turn and walk away, pretending you don't know Each time I see you out with someone new I go out of my mind over you.ผมเพียงแต่ไม่เข้าใจว่าคุณสามารถทำร้ายผมได้อย่างไร แล้วคุณก็หันหลังและเดินหนีจากไป แกล้งทำเหมือนว่าคุณไม่รู้ แต่ละครั้งผมเห็นคุณออกไปเที่ยวกับชายคนใหม่ ผมรู้สึกเป็นบ้าคลั่งเกี่ยวกับคุณ [2] I go out of my mind when you're out of my heart I can't help lovin' you like I do My heart breaks up inside with each tear that I cry And I'm out of my mind over you.ผมรู้สึกเป็นบ้าคลั่งเมื่อคุณไม่อยู่ในใจผม ผมอดไม่ได้ที่จะรักคุณอย่างที่ผมเป็นอยู่ หัวใจของผมแตกสลายอยู่ภายในพร้อมกับหยดน้ำตาที่ผมร่ำไห้ และผมรู้สึกเป็นบ้าคลั่งเกี่ยวกับคุณ Each day I think of all the things we used to do And all the plans we made that won't be comin' true It seems that all my dreams are fallin' through And I'm out of my mind over you.ในแต่ละวันผมคิดถึงทุกสิ่งที่เราเคยทำ และแผนการทั้งหมดที่เราทำขึ้นซึ่งจะไม่เป็นจริงได้ มันดูเหมือนว่าความฝันทั้งหมดของผมกำลังพังทลายลง และผมรู้สึกเป็นบ้าคลั่งเกี่ยวกับคุณ[2][1]Vocabulary Itemsbe out of my heart = ไม่อยู่ในใจผม เอาใจออกห่างผมcome true (v) = เป็นความจริงfall through (v) = พังทลายลงgo out of my mind = เป็นบ้า เสียสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้heart breaks up inside = หัวใจแตกสลายอยู่ภายในhurt (v) = ทำร้าย ทำให้บาดเจ็บI can’t help + v-ing = ผมอดไม่ได้ที่จะ.......I can't help loving you like I do. = ผมอดไม่ได้ที่จะรักคุณอย่างที่ผมเป็นอยู่plan (v, n) = วางแผน แผนการpretend (v) = แสร้งทำ แกล้งทำtear (n) = น้ำตาturn (v) = หันหลังunderstand (v) = เข้าใจused to (v) = เคยwalk away (v) = เดินหนีไป
8 มิถุนายน 2563     |      288
One Love
One LoveความรักเดียวThe Carpentersแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์One love in my young life Took me somewhere I had never been And I want to live again, breathe again In the shelter of his brightly woven love song So long I have wanted love to be Sitting just this near to me Now my waiting heart is freeรักเดียวในช่วงชีวิตเยาว์วัยของฉันนำพาฉันไปสู่ที่ใดสักแห่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยไปมาก่อนและฉันต้องการมีชีวิตอยู่อีกครั้งหนึ่ง หายใจได้อีกครั้งหนึ่งในที่พักอาศัยที่ถักทอด้วยเพลงรักสีสดใสของเขาเป็นระยะเวลานานมากที่ฉันอยากให้ความรักเป็นเช่นนั้นเพียงแค่นั่งอยู่ใกล้ๆฉันอย่างนี้ตอนนี้ หัวใจที่เฝ้ารอคอยของฉันเป็นอิสระ[1] Few are the choices we are given The sands of time pass quickly byเราได้รับทางเลือกไม่มากทรายของเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว[2] One dream of my young life Now stands holding out his hand to me Now I can't help but believe That my whole life will be Spent in one loveความฝันหนึ่งในช่วงชีวิตเยาว์วัยของฉันขณะนี้ยืนอยู่และกำลังยื่นมือเขามาหาฉันขณะนี้ฉันอดไม่ได้นอกจากเชื่อว่าชีวิตทั้งหมดของฉันจะหมดไปกับความรักเดียว[1][2]Vocabulary Itemsagain (adv) = อีกครั้งหนึ่งbreathe (v) = หายใจbrightly (adv) = อย่างแจ่มชัด อย่างสดใสchoice (n) = ทางเลือกhold (v) = กอด ยึดเหนี่ยว เหนี่ยวรั้งhold out (v) = ยื่นออกlife (n) = ชีวิตlive (v) = อาศัยอยู่ มีชีวิตอยู่pass by (v) = ผ่านไปshelter (n) = ที่พักอาศัยso long = นานมากspend, spent, spent (v) = ใช้จ่าย ใช้เวลาyoung life (n) = ชีวิตตอนเยาว์วัยExpressionsbrightly woven love song = เพลงรักที่ถักทอสีสดใสของเขาFew are the choices we are given/We are given few choices. เราได้รับทางเลือกไม่มากholding out his hand = กำลังยื่นมือของเขาออกมาI can't help but believe = ฉันอดไม่ได้นอกจากเชื่อว่าMy waiting heart is free = หัวใจที่เฝ้ารอคอยของฉันเป็นอิสระStand holding out his hand to me = ยืนอยู่และกำลังยื่นมือเขามาหาฉันThe sands of time pass quickly by = ทรายของนาฬิกาทรายของเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
8 มิถุนายน 2563     |      199
There Goes My Everything
There Goes My Everythingนั่นไง ทุกสิ่งทุกอย่างของผมจากหายไปEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] There goes my only possession, There goes my everything,นั่นไง สมบัติที่มีอยู่อย่างเดียวของผมจากหายไปนั่นไง ทุกสิ่งทุกอย่างของผมจากหายไปI hear footsteps slowly walking, As they gently walk across a lonely floor, And a voice is softly saying, Darling, this will be good-bye for ever more.ผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินช้าๆ            ขณะที่พวกเขาเดินเบาๆข้ามชั้นที่โดดเดี่ยว            และเสียงเบาๆพูดว่าที่รัก นี่จะเป็นการกล่าวอำลาชั่วนิรันดร์[2] There goes my reason for living, There goes the one of my dreams, There goes my only possession, There goes my everything.นั่นไง เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ของผมจากหายไป            นั่นไง ความฝันอย่างหนึ่งของผมจากหายไป            นั่นไง สมบัติที่มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นของผมจากหายไป            นั่นไง ทุกสิ่งทุกอย่างของผมจากหายไปAs my memory turns back the pages, I can see the happy years we had before, Now the love that kept this old heart beating, Has been shattered by the closing of the door.ขณะที่ความทรงจำของผมกลับคืนมาที่เดิม เปิดหน้าสมุดกลับมาที่เดิม            ผมสามารถเห็นปีที่มีความสุขที่เรามีมาก่อน            ขณะนี้ความรักที่รักษาให้หัวใจเก่าดวงนี้เต้น            ได้ถูกทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆด้วยการปิดของประตู (ประตูที่กำลังปิด[2] [1]Vocabulary Itemsbe shattered (pp) = ถูกทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆbeat (v) = เต้นเป็นจังหวะclosing (n) = การปิดdarling (n) = ที่รักdream (n, v) = ความฝัน ฝันfloor (n) = ชั้นของตึก พื้นfootstep (n) = ฝีเท้าfor ever more (adv) = ชั่วนิรันดร์gently (adv) = อย่างแผ่วเบา อย่างนุ่มนวล good-bye (n) = การกล่าวอำลาจากlonely (adj, adv) = โดดเดี่ยว อย่างเดียวดาย อย่างโดเดี่ยวmemory (n) = ความทรงจำpossession (n) = สมบัติreason (n) = เหตุผลslowly (adv) = อย่างช้าsoftly (adv) = อย่างเบาๆ voice (n) = เสียงwalk across (v) = เดินข้ามExpressionsThere goes my everything. = นั่นไง ทุกสิ่งทุกอย่างของผมจากหายไปThere goes my only possession. = นั่นไง สมบัติที่มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นของผมจากหายไปThere goes my reason for living. = นั่นไง เหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ของผมจากหายไปThere goes the one of my dreams. = นั่นไง ความฝันอย่างหนึ่งของผมจากหายไปTurn back the pages = กลับคืนมาที่เดิมเปิดหน้าสมุดกลับมาที่เดิม
8 มิถุนายน 2563     |      157
ทั้งหมด 42 หน้า