The Sound of Silence
The Sound of Silenceเสียงแห่งความเงียบSimon & Garfunkelแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Hello darkness, my old friend I've come to talk with you again Because a vision softly creeping Left its seeds while I was sleeping And the vision that was planted in my brain Still remains Within the sound of silenceสวัสดีความมืดเพื่อนเก่าของผม ผมมาคุยกับคุณอีกครั้ง เพราะมีวิสัยทัศน์กำลังคืบคลานมาอย่างแผ่วเบา ทิ้งเมล็ดพันธุ์ไว้ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับ และวิสัยทัศน์นั้นถูกฝังอยู่ในสมองของผม ยังคงอยู่ ภายในเสียงแห่งความเงียบIn restless dreams I walked alone Narrow streets of cobblestone 'Neath the halo of a street lamp I turned my collar to the cold and damp When my eyes were stabbed by the flash of a neon light That split the night And touched the sound of silenceในความฝันที่กระสับกระสายผมเดินอยู่คนเดียว ถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหินกรวด ภายใต้รัศมีของโคมไฟถนน ผมเปิดคอของผมให้เย็นและชื้น เมื่อดวงตาของผมถูกแยงด้วยแสงไฟนีออน ซึ่งแยกกลางคืน และสัมผัสกับเสียงแห่งความเงียบAnd in the naked light I saw Ten thousand people, maybe more People talking without speaking People hearing without listening People writing songs that voices never share And no one dare Disturb the sound of silenceและในที่มีไฟสว่างจ้าผมเห็น คนจำนวนเป็นหมื่น อาจมีมากกว่านี้ ผู้คนกำลังพูดจกกันโดยไม่พูด ผู้คนกำลังได้ยินโดยไม่ฟัง ผู้คนกำลังเขียนเพลงที่ไม่เคยใช้เสียงร่วมกัน และไม่มีใครกล้า รบกวนเสียงแห่งความเงียบ"Fools" said I, "You do not know Silence like a cancer grows Hear my words that I might teach you Take my arms that I might reach you" But my words like silent raindrops fell And echoed In the wells of silenceคนเขลา" ผมพูด "คุณไม่รู้ ความเงียบเหมือนมะเร็งที่เจริญเติบโต จงฟังคำพูดของผมซึ่งผมอาจสอนคุณ เกาะแขนผมไว้ซึ่งผมอาจเอื้อมไปถึงคุณ " แต่คำพูดของผมเหมือนเม็ดฝนเงียบๆที่ตกลง และมีเสียงสะท้อนกลับ ในบ่อน้ำแห่งความเงียบAnd the people bowed and prayed To the neon God they made ความไม่สามารถของคนในการสื่อสารกับผู้อื่น And the sign flashed its warning In the words that it was forming And the sign said, "The words of the prophets Are written on the subway walls And tenement halls" And whispered in the sounds of silenceและผู้คนก็คำนับและอธิษฐาน ยังพระเจ้าแสงนีออนที่พวกเขาสร้างขึ้น และป้ายก็มีแสงไฟฉายคำเตือนขึ้นทันที เป็นข้อความที่กำลังปรากฏขึ้น และป้ายนั้นเขียนว่า "ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ ถูกเขียนไว้บนผนังทางใต้ดิน และห้องโถงเช่า " และถูกกระซิบในเสียงแห่งความเงียบVocabulary Itemsbow (v) = ก้มศรีษะแสดงความเคารพbrain (n) = สมองcancer (n) = มะเร็งcobblestone (n) = หินกรวดcold (adj) = หนาวเย็นcollar (n) = ปกคอเสื้อcreep (v) = คืบคลานdamp (adj) = ชื้นdare (v) = กล้า ท้าทาย ลองดีdarkness (n) = ความมืดdisturb (v) = รบกวน ขัดจังหวะecho (v) = สะท้อนกลับ เสียงสะท้อนกลับ เสียงก้องflash (n) = การเกิดขึ้นทันใดflash (v) = มีแสงไฟเกิดขึ้นทันทีfool (n) = คนเขลา คนโง่forming (n) = การปรากฏ ปรากฏรูปร่างgrow (v) = เจริญเติบโตhalo (n) = รัศมีhello (v) = สวัสดีnaked (pp) = เปลือยเปล่า ไม่มีอะไรปิด โล่งnaked light (n) = ไฟสว่างจ้า แสงไฟที่ไม่มีอะไรปิดบังnarrow (adj) = แคบ ๆ'neath /beneath (prep) = ภายใต้ ด้านล่างneon god (n) = พระเจ้าแสงนีออนneon light (n) = แสงไฟนีออนplant (v) = ปลูกpray (v) = สวดมนต์prophet (n) = ศาสดาพยากรณ์raindrop (n) = หยดน้ำฝนreach (v) = เอื้อมremain (v) = ยังคงอยู่ ยังเหลืออยู่restless (adj) = กระสับกระสายseed (n) = เมล็ดพันธุ์พืชshare (v) = แบ่งปัน ใช้ร่วมกันsign (n) = ป้ายsilence (n) = ความเงียบsoftly (adv) = อย่างแผ่วเบาsound (n) = เสียงsplit (v) = แยก แบ่งแยกstab (v) = แทง แยงstreet (n) = ถนนstreet lamp (n) = โคมไฟถนนsubway (n) = ทางใต้ดิน tenement hall = ห้องโถงเช่าtouch (v) = สัมผัสvision (n) = วิสัยทัศน์ มโนทัศน์ ภาพในจินตนาการwarning (n) = การเตือน คำเตือนwell (n) = บ่อน้ำwhisper (v) =กระซิบ
8 มิถุนายน 2563     |      395
One Love
One LoveความรักเดียวThe Carpentersแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์One love in my young life Took me somewhere I had never been And I want to live again, breathe again In the shelter of his brightly woven love song So long I have wanted love to be Sitting just this near to me Now my waiting heart is freeรักเดียวในช่วงชีวิตเยาว์วัยของฉันนำพาฉันไปสู่ที่ใดสักแห่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยไปมาก่อนและฉันต้องการมีชีวิตอยู่อีกครั้งหนึ่ง หายใจได้อีกครั้งหนึ่งในที่พักอาศัยที่ถักทอด้วยเพลงรักสีสดใสของเขาเป็นระยะเวลานานมากที่ฉันอยากให้ความรักเป็นเช่นนั้นเพียงแค่นั่งอยู่ใกล้ๆฉันอย่างนี้ตอนนี้ หัวใจที่เฝ้ารอคอยของฉันเป็นอิสระ[1] Few are the choices we are given The sands of time pass quickly byเราได้รับทางเลือกไม่มากทรายของเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว[2] One dream of my young life Now stands holding out his hand to me Now I can't help but believe That my whole life will be Spent in one loveความฝันหนึ่งในช่วงชีวิตเยาว์วัยของฉันขณะนี้ยืนอยู่และกำลังยื่นมือเขามาหาฉันขณะนี้ฉันอดไม่ได้นอกจากเชื่อว่าชีวิตทั้งหมดของฉันจะหมดไปกับความรักเดียว[1][2]Vocabulary Itemsagain (adv) = อีกครั้งหนึ่งbreathe (v) = หายใจbrightly (adv) = อย่างแจ่มชัด อย่างสดใสchoice (n) = ทางเลือกhold (v) = กอด ยึดเหนี่ยว เหนี่ยวรั้งhold out (v) = ยื่นออกlife (n) = ชีวิตlive (v) = อาศัยอยู่ มีชีวิตอยู่pass by (v) = ผ่านไปshelter (n) = ที่พักอาศัยso long = นานมากspend, spent, spent (v) = ใช้จ่าย ใช้เวลาyoung life (n) = ชีวิตตอนเยาว์วัยExpressionsbrightly woven love song = เพลงรักที่ถักทอสีสดใสของเขาFew are the choices we are given/We are given few choices. เราได้รับทางเลือกไม่มากholding out his hand = กำลังยื่นมือของเขาออกมาI can't help but believe = ฉันอดไม่ได้นอกจากเชื่อว่าMy waiting heart is free = หัวใจที่เฝ้ารอคอยของฉันเป็นอิสระStand holding out his hand to me = ยืนอยู่และกำลังยื่นมือเขามาหาฉันThe sands of time pass quickly by = ทรายของนาฬิกาทรายของเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
6 มิถุนายน 2563     |      301
North to Alaska
North to Alaska (มุ่งเหนือสู่ AlaskaJohnny Hortonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Way up north, north to Alaska, way up north, north to Alaska North to Alaska, go north, the rush is on North to Alaska, go north, the rush is onไกลขึ้นไปทางเหนือ มุ่งเหนือสู่Alaska ไกลขึ้นไปทางเหนือ มุ่งเหนือสู่Alaska มุ่งเหนือสู่ Alaska ไปทางเหนือ อย่างรีบเร่ง มุ่งเหนือสู่Alaska ไปทางเหนือ อย่างรีบเร่งBig Sam left Seattle in the year of ninety-two With George Pratt, his partner, and brother Billy too They crossed the Yukon River and they found the bonanza gold Below that old white mountain, just a little south-east of NomeBig Sam ออกจาก Seattle ในปี '92 (1892) กับ George Pratt หุ้นส่วนของเขาและน้องชายชื่อ Billy อีกคนหนึ่งด้วย พวกเขาข้ามแม่น้ำ Yukon และพบทองคำที่พบโดยบังเอิญ ที่ด้านล่างของภูเขาสีขาวเก่าแก่ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ NomeSam crossed the Majestic mountains to the valleys far below He talked to his team of huskies as he mushed on through the snow With the northern lights a-runnin' wild in the Land of the Midnight Sun Yes Sam McCord was a mighty man in the year of nineteen-oneSam ข้ามเทือกเขาMajesticไปยังหุบเขาลึกเบื้องล่าง เขาพูดคุยกับฝูงสุนัขพันธุ์ Huskyของเขาในขณะที่เขาตะโกนสั่งให้มันลากเลื่อนผ่านหิมะไป พร้อมกับแสงเหนือ ป่าไม้ดงดิบที่ยาวติดต่อกันในดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน ใช่แล้ว...Sam McCord เป็นคนที่แข็งแรงมากในปีที่ 1901[1] Where the river is windin', big nuggets they're findin' North to Alaska, go north, the rush is on Way up north, north to Alaska, way up north, north to Alaska North to Alaska, go north, the rush is on North to Alaska, go north, the rush is onณ บริเวณที่แม่น้ำไหลวกวน เขาพบก้อนทองคำขนาดใหญ่ มุ่งเหนือสู่ Alaska ไปทางเหนือ อย่างรีบเร่ง ไกลขึ้นไปทางเหนือ มุ่งเหนือสู่ Alaska ไกลขึ้นไปทางเหนือ มุ่งเหนือสู่ Alaska มุ่งเหนือสู่ Alaska ไปทางเหนือ อย่างรีบเร่ง มุ่งเหนือสู่ Alaska ไปทางเหนือ อย่างรีบเร่งGeorge turned to Sam with his gold in his hand Said, "Sam, you're lookin' at a lonely, lonely man I'd trade all the gold that's buried in this land For one small band of gold to place on sweet little Jenny's hand"George หันไปหา Sam พร้อมกับทองคำเขาในมือของเขา พูดว่า "Sam คุณมองดูเป็นผู้ชายที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ผมอยากจะแลกเปลี่ยนทองคำทั้งหมดที่ฝังอยู่ในดินแดนนี้ เป็นกำไลทองคำวงเล็กๆสักวงหนึ่งเพื่อสวมใส่ข้อมือของ Jenny หญิงที่น่ารักตัวเล็กๆ""'Cause a man needs a woman to love him all the time Remember, Sam, a true love is so hard to find I'd build for my Jenny, a honeymoon home Below that old white mountain, just a little south-east of Nome"เพราะผู้ชายต้องการผู้หญิงที่จะรักเขาตลอดเวลา จำไว้นะ Sam ความรักที่แท้จริงนั้นหาได้ยากมาก ผมอยากจะสร้างบ้านเป็นที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ให้กับ Jenny ของผม ที่ด้านล่างของภูเขาสีขาวเก่าแก่ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Nome”[1]vocabulary itemsa running wild (n) = ป่าไม้ดงดิบที่ยาวติดต่อกันbonanza gold (n) = ทองคำที่พบโดยบังเอิญbrother (n) = น้องชายพี่ชายbuild (v) = สร้างbury (v) = ฝังอยู่cross (v) = ข้ามhoneymoon home (n) = บ้านสำหรับเป็นที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สำหรับคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆhusky (n) = สุนัขขั้วโลกพันธุ์หนึ่งที่มีขนสีขาวหนา นิยมใช้ลากเลื่อนlonely (adj) = โดดเดี่ยว หว้าเหว่ เดียวดายmighty (adj) = แข็งแรงมาก มีพลังมาก มีอิทธิพลมากmountain (n) = ภูเขาmountains (n) = เทือกเขาmush (v) = เสียงตะโกนบอกให้หมาลากเลื่อนnorth (n, adj) = ทิศเหนือ ทางทิศเหนือnorthern lights (n) = แสงเหนือnugget (n) = ก้อนแร่ทองคำ หรือวัตถุที่มีราคาแพงpartner (n) = หุ้นส่วนplace on (v) = วางไว้ สวมใส่remember (v) = จำไว้ จดจำไว้ small band of gold (n) = ทองคำยาวเป็นแถบเล็กๆ กำไลทองคำวงเล็กๆsnow (n) = หิมะso hard to find =หาได้ยากมากsouth-east (n, adj) = ทิศตะวันออกเฉียงใต้sweet little Jenny = Jenny หญิงที่น่ารักตัวเล็กๆthe rush is on/ on the rush = อย่างรีบเร่งthe year of ninety-two = ปี ค.ศ. 1992through (prep) = ผ่านtrade (v) = แลกเปลี่ยน ค้าขายtrue love (n) = รักที่ซื่อสัตย์ ความรักที่แท้จริงturn to (v) = หันไปหา way up north = ไกลขึ้นไปทางเหนือwinding (v) = คดเคี้ยว
6 มิถุนายน 2563     |      606
Never Love Again
Never Love Again (ไม่รักใครอีกเลยSue Thompstonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I've known many loves before I met you But I'll never love again I could probably know others too But I'll never love againฉันรู้จักคนรักมากมายก่อนที่ฉันจะได้พบคุณ แต่ฉันจะไม่มีรักอีกเลย ฉันอาจสามารถจะรู้จักคนอื่นได้ด้วย แต่ฉันจะไม่มีรักอีกเลยI've kissed many lips before I kissed yours But I'll never kiss again I could probably kiss others too But I'll never kiss againฉันจูบคนมาหลายคนก่อนที่ฉันจะจูบคุณ แต่ฉันจะไม่จูบใครอีกเลย ฉันอาจสามารถจะจูบคนอื่นได้ด้วย แต่ฉันจะไม่จูบใครอีกเลยAfter knowing your love I'll never love again No I'll never love againหลังจากรู้ความรักของคุณฉันจะไม่รักอีกเลย ไม่...ฉันจะไม่รักอีกเลยI've kissed many lips before I kissed yours But I'll never kiss again I could probably kiss others too But I'll never kiss againฉันจูบคนมาหลายคนก่อนที่ฉันจะจูบคุณ แต่ฉันจะไม่จูบใครอีกเลย ฉันอาจสามารถจะจูบคนอื่นได้ด้วย แต่ฉันจะไม่จูบใครอีกเลยAfter kissing your lips I'll never kiss again No I'll never love againหลังจากจูบกับคุณฉันจะไม่จูบใครอีกเลย ไม่...ฉันจะไม่รักใครอีกเลยVocabulary Itemsagain (adv) = อีกครั้งหนึ่งkiss (v) = จูบlip (n) = ริมฝีปากlove (n) = คนรัก ความรักnever (adv) = ไม่เคย ไม่กระทำอีกprobably (adv) = มีโอกาสเป็นไปได้
6 มิถุนายน 2563     |      448
Never Let Me Go
Never Let Me Goอย่าปล่อยผมไปเลยNat King Coleแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Never let me go,Love me much too much,If you let me goLife would lose its touch.What would I be without you?There's no place for me without you!อย่าปล่อยผมไปเลย               รักผมให้มาก ๆ               ถ้าคุณปล่อยให้ผมไป               ชีวิตกคงจะไม่สามารถดำเนินไปได้ดีเหมือนเดิม               ผมจะเป็นอย่างไรเมื่อไม่มีคุณ?               ไม่มีที่ไหนสำหรับผมเมื่อไม่มีคุณ[1] Never let me go,I'd be lost if you went away;There would beA thousand hours a day,Without you, I know.อย่าปล่อยผมไปเลย               ผมคงไม่รู้จะไปทางไหนถ้าคุณหนีจากไป               แต่ละวัน               คงจะมีเวลาเป็นพันชั่วโมง               เมื่อไม่มีคุณ ผมรู้ (วันเวลาคงจะยาวนานเมื่อไม่มีคุณ[2] Because of one caressMy world was overturned,At the very startAll my bridges burnedBy my flaming heart!เพราะการเคล้าเคลียครั้งหนึ่ง               โลกของผมถูกทำให้พลิกกลับ               เมื่อตอนแรกเริ่มจริงๆ               สะพานทั้งหลายของผมถูกเผาไหม้ (ทำลายโอกาสทุกอย่างของตนเอง               ด้วยหัวใจที่มีไฟลุกโชนของผม[3] You'd never leave me, would you?You couldn't hurt me, could you?Never let me go,Never never never let me go!               คุณจะไม่มีวันทิ้งผมไปใช่ไหม?               คุณจะไม่ทำร้ายผมใช่ไหม?               อย่าปล่อยผมไปเลย               อย่า อย่า อย่าปล่อยผมไปเลย!What would I be without you?There's no place for me without you!               ผมจะเป็นอย่างไรเมื่อไม่มีคุณ?               ไม่มีที่ไหนสำหรับผมเมื่อไม่มีคุณ[1][2][3]Vocabulary Items/ExpressionsA thousand hours a day without you = วันเวลาที่ยาวนานเมื่อไม่มีคุณAll my bridges burned = (ทำลายโอกาสทุกอย่างของตนเองBy my flaming heart! = ด้วยหัวใจที่มีไฟลุกโชนของผม ด้วยหัวใจที่มีไฟดำกฤษณาความต้องการมากcaress (n) = การเคล้าเคลีย การกอดจูบhurt (v) = ทำให้บาดเจ็บI'd be lost if you went away. = ผมคงไม่รู้จะไปทางไหนถ้าคุณหนีจากไปI'd be lost. = ผมคงจะหลงทางLife would lose its touch. = ชีวิตกคงจะไม่สามารถดำเนินไปได้ดีเหมือนเดิมOverturn (v) = พลิกกลับข้าง เป็นไปในทางตรงกันข้าม พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
6 มิถุนายน 2563     |      211
Morning Side of the Mountain
Morning Side of the Mountainด้านตอนเช้าของภูเขาDonny Osmondแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์There was a girl There was a boyมีผู้หญิงคนหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งThere was a girl, there was a boy If they had met, they might have found a world of joy But he lived on the morning side of the mountain And she lived on the twilight side of the hillมีผู้หญิงคนหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง หากพวกเขาได้พบกัน พวกเขาอาจพบโลกแห่งความสุข แต่เด็กผู้ชายอาศัยอยู่ด้านตอนเช้าของภูเขา และเด็กผู้หญิงอาศัยอยู่ด้านแดนสนธยาของเนินเขาThey never met, they never kissed They will never know what happiness they've missed 'Cause he lived on the morning side of the mountain And she lived on the twilight side of the hillพวกเขาไม่เคยพบกัน พวกเขาไม่เคยจูบกัน พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่าความสุขที่พวกเขาพลาดไปคืออะไร เพราะเด็กผู้ชายอาศัยอยู่ด้านตอนเช้าของภูเขา และเด็กผู้หญิงอาศัยอยู่ด้านแดนสนธยาของเนินเขาFor love's a rose that never grows Without the kiss of the morning dew And every Jack must have a Jill To know the thrill of a dream that comes trueเนื่องจากความรักเป็นดั่งกุหลาบที่ไม่สามารถเติบโตได้ โดยไม่ได้รับการจูบของน้ำค้างยามเช้า และแจ็คผู้ชายทุกคนจะต้องมีจิล ผู้หญิง หากต้องการรู้จักความตื่นเต้นของความฝันที่เป็นจริงAnd you and I are just like they For all we know our love is just a kiss away But you are on the morning side of the mountain And you are on the twilight side of the hillและคุณและผมก็เป็นเหมือนพวกเขา สำหรับทุกอย่างที่เรารู้ ความรักของเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้แค่ระยะการจูบเท่านั้น แต่คุณอยู่ด้านตอนเช้าของภูเขา และคุณอยู่ด้านแดนสนธยาของเนินเขาAnd you and I are just like they For all we know our love is just a kiss away But you are on the morning side of the mountain And you are on the twilight side of the hillและคุณและฉันก็เป็นเหมือนพวกเขา สำหรับทุกอย่างที่เรารู้ ความรักของเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้แค่ระยะการจูบเท่านั้น แต่คุณอยู่ด้านตอนเช้าของภูเขา และคุณอยู่ด้านแดนสนธยาของเนินเขาThere was a girl There was a boyมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง Vocabulary Itemshill (n) = เนินเขาJack (n) = ชื่อของเด็กผู้ชายJill (n) = ชื่อของเด็กผู้หญิงkiss (n) = การจูบmorning (n) = ตอนเช้าmorning dew (n) = น้ำค้างตอนเช้าmountain (n) = ภูเขาside (n) = ด้านthrill (n) = ความตื่นเต้นtwilight (n) = เวลาพบค่ำ เวลาสนธยาOur love is just a kiss away. = ความรักของเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้แค่ระยะการจูบเท่านั้นLove is a rose that never grows without the kiss of the morning dew. = ความรักเป็นดั่งกุหลาบที่ไม่สามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องรับการพรมจูบของน้ำค้างยามเช้า
6 มิถุนายน 2563     |      277
Nine Little Teardrops
Nine Little Teardropsหยดน้ำตาเล็กๆเก้าหยดSue Thompsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์One little, two little, three little teardrops Four, five, Six little teardrops Seven little, Eight little, nine little teardrops I cried over youหนึ่งหยด สองหยด สามหยดของน้ำตา สี่ ห้า หกหยดเล็ก ๆ ของน้ำตา เจ็ดหยดเล็ก ๆ แปดหยดเล็ก ๆ เก้าหยดเล็ก ๆ ของน้ำตาที่ฉันร้องไห้คิดถึงคุณWe wrote love notes like lovers do Like you love me and I love You I lost your love to someone new And now my heart it cries for youเราเขียนบันทึกความรักเหมือนคนรักเขาทำกัน เหมือนอย่างที่คุณรักฉันและฉันรักคุณ ฉันสูญเสียความรักให้กับคนรักใหม่ และตอนนี้หัวใจของฉันร่ำร้องอยากได้คุณ[1] One (little teardrop), two (little teardrops), Three little teardrops Four (little teardrops), Five (little teardrops), Six little teardrops Seven little, Eight little, nine little teardrops I cried over youหนึ่ง (หยดน้ำตาเล็กเล็กๆสอง หยดน้ำตาเล็กเล็กๆ สามหยดน้ำตาเล็ก ๆ สี่ หยดน้ำตาเล็กเล็กๆ ห้า หยดน้ำตาเล็ก ๆ หกหยดน้ำตาเล็ก ๆ เจ็ดหยดน้ำตาเล็ก ๆ แปดหยดน้ำตาเล็ก ๆ เก้าหยดน้ำตาเล็ก ๆ ที่ฉันร้องไห้คิดถึงคุณWe went together like hand and glove Yet everybody called it Puppy love Since the day you said bye bye I sit alone and now I cryเราไปด้วยกันได้ดีมาก(เหมือนมือและถุงมือ แต่ทุกคนก็เรียกมันว่า ความรักแบบเด็ก ตั้งแต่วันที่คุณพูดลาก่อน ฉันก็นั่งคนเดียวและตอนนี้ฉันร้องไห้[1]The tears that I've cried over you I note as stars up in the blue I lost count a long time ago When I think of you the teardrops flowน้ำตาที่ฉันร้องไห้คิดถึงคุณ ฉันสังเกตเห็นมันเหมือนดั่งดวงดาวในท้องฟ้า ที่ฉันไม่ได้นับจำนวนมันนานแล้ว เมื่อฉันคิดถึงคุณ น้ำตามันไหลพากOne (little teardrop), two (little teardrops), Three little teardrops Four (little teardrops), Five (little teardrops), Six little teardrops Seven little, Eight little, nine little teardrops I cried over you I cried over you I cried over you I cried over you I cried over youหนึ่ง (หยดน้ำตาเล็กเล็กๆสอง หยดน้ำตาเล็กเล็กๆ สามหยดน้ำตาเล็ก ๆ สี่ หยดน้ำตาเล็กเล็กๆ ห้า หยดน้ำตาเล็ก ๆ หกหยดน้ำตาเล็ก ๆ เจ็ดหยดน้ำตาเล็ก ๆ แปดหยดน้ำตาเล็ก ๆ เก้าหยดน้ำตาเล็ก ๆ ที่ฉันร้องไห้คิดถึงคุณ ฉันร้องไห้คิดถึงคุณ ฉันร้องไห้คิดถึงคุณ ฉันร้องไห้คิดถึงคุณ ฉันร้องไห้คิดถึงคุณVocabulary Items/Expressionsblue (n) = ท้องฟ้า สีน้ำเงินcry for (v) = ร้องไห้อยากได้ เช่น The kids cry for candies. = เด็กๆร้องไห้อยากได้ลูกอมcry over (v) = ร่ำไห้คิดถึง เช่น She cried over her lost dog. = หล่อนร่ำไห้คิดถึงสุนัขที่หายไปI lost count a long time ago. = ฉันไม่ได้นับจำนวนมันนานแล้วlike hand and glove = ไปด้วยกันได้ดีมาก เหมาะสมกันดีมาก เหมือนมือและถุงมือlove note (n) = บันทึกความรักlover (n) = คนรักpuppy love (n) = ความรักแบบเด็กๆteardrop (n) = หยดน้ำตา
6 มิถุนายน 2563     |      477
My First Day Alone
My First Day Aloneวันแรกที่โดดเดี่ยวของผมThe Cascadesแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Here comes the morning sun It's another day But today I'm on my own It's my first day alone It's my first day aloneนี่ไงพระอาทิตย์ตอนเช้าโผล่ขึ้นมา มันเป็นอีกวันหนึ่งแล้ว แต่วันนี้ผมอยู่ตามลำพังคนเดียว มันเป็นวันแรกที่โดดเดี่ยวของผม มันเป็นวันแรกที่โดดเดี่ยวของผมWhy did I lose my love Mine till yesterday Lose the only love I've known It's my first day alone It's my first day aloneทำไมผมถึงสูญเสียคนรักไป เธอเป็นของผมจนกระทั่งถึงเมื่อวานนี้ สูญเสียคนรักเพียงคนเดียวที่ผมรู้จัก มันเป็นวันแรกที่โดดเดี่ยวของผม มันเป็นวันแรกที่โดดเดี่ยวของผมI can live without so many things They're so unimportant to me But I can’t live without a love that's everything I'll have to wait and seeผมสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีหลายๆสิ่ง สิ่งเหล่านี้ไม่มีความสำคัญกับผม แต่ผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีคนรัก ซึ่งเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจะต้องรอดูก่อนI know I'll see the sun Bring me other days But will I be so on my own As my first day aloneผมรู้ว่าผมจะเห็นดวงอาทิตย์ นำเอาอีกวันหนึ่งมาให้ผม แต่ผมจะมีชีวิตอยู่ได้เองตามลำพังไหม อย่างเช่นวันแรกที่โดดเดี่ยวของผมThis my first day alone This my first day aloneนี่คือวันแรกที่โดดเดี่ยวของผม นี่คือวันแรกที่โดดเดี่ยวของผมVocabulary Itemsalone (adv) = โดดเดี่ยว เดียวดาย หว้าเหว่ อยู่ตามลำพังbe on my own = อยู่ตามลำพังI can live without so many things. =ผมสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีหลายๆสิ่งI can’t live without a love that's everything. = ผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีคนรัก ซึ่งเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างlose, lost, lost (v) = สูญเสียmorning sun (n) = ดวงอาทิตย์ตอนเช้าwait and see = รอดูก่อนเฝ้าคอยดูคอยดูท่าทีไปก่อน
6 มิถุนายน 2563     |      425
Because of You
Because of Youเพราะว่าคุณKelly Clarksonแปลโดยรศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I will not make The same mistakes that you did I will not let myself Cause my heart so much misery I will not break The way you did, you fell so hard I've learned the hard way To never let it get that farฉันจะไม่ทำ ความผิดพลาดเดียวกับที่คุณทำ ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเอง ทำให้หัวใจฉันทุกข์ทรมานมาก ฉันจะไม่แตกหัก ในแบบที่คุณเป็น คุณล้มลงรุนแรงเกินไป ฉันได้เรียนรู้วิธีที่ยากๆ ไม่เคยปล่อยให้มันไปไกลขนาดนั้น[1] Because of you I never stray too far from the sidewalk Because of you I learned to play on the safe side so I don't get hurt Because of you I find it hard to trust not only me, but everyone around me Because of you I am afraidเพราะว่าคุณ ฉันไม่เคยเดินเตร็ดเตร่จากทางเท้ามากเกินไป เพราะว่าคุณ ฉันเรียนรู้ที่จะเล่นในด้านที่ปลอดภัย ดังนั้นฉันจึงไม่บาดเจ็บ เพราะว่าคุณ ฉันพบว่ามันยากที่จะเชื่อใจไม่ใช่แค่ฉัน แต่ทุกคนรอบตัวฉัน เพราะว่าคุณ ฉันกลัวI lose my way And it's not too long before you point it out I cannot cry Because I know that's weakness in your eyes I'm forced to fake A smile, a laugh every day of my life My heart can't possibly break When it wasn't even whole to start withฉันหลงทาง และไม่นานเกินไปก่อนที่คุณจะชี้ให้เห็น ฉันไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะฉันรู้ว่านั่นคือความอ่อนแอในสายตาของคุณ ฉันถูกบังคับให้แสร้งกระทำ การยิ้ม การหัวเราะทุกวันในชีวิตของฉัน หัวใจของฉันไม่อาจแตกสลายได้ เมื่อมันไม่ใช่เป็นหัวใจทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น[1]I watched you die I heard you cry every night in your sleep I was so young You should have known Better than to lean on me You never thought of anyone else You just saw your pain And now I cry in the middle of the night For the same damn thingฉันเฝ้าดูคุณตาย ฉันได้ยินคุณร้องไห้ทุกคืนในการนอนหลับของคุณ ฉันยังเด็กมาก คุณควรจะได้รู้ ดีกว่าที่จะพึ่งพาฉัน คุณไม่เคยคิดถึงใครเลย คุณเพียงแต่เห็นความเจ็บปวดของคุณ และตอนนี้ฉันก็ร้องไห้กลางดึก สำหรับสิ่งเดียวกันจริงๆBecause of you I never stray too far from the sidewalk Because of you I learned to play on the safe side so I don't get hurt Because of youเพราะว่าคุณ ฉันไม่เคยเดินเตร็ดเตร่จากทางเท้ามากเกินไป เพราะว่าคุณ ฉันเรียนรู้ที่จะเล่นในด้านที่ปลอดภัย ดังนั้นฉันจึงไม่บาดเจ็บ เพราะว่าคุณI try my hardest just to forget everything Because of you I don't know how to let anyone else in Because of you I'm ashamed of my life Because it's empty Because of you I am afraidฉันพยายามอย่างที่สุดที่จะลืมทุกสิ่ง เพราะว่าคุณ ฉันไม่รู้จะให้คนอื่นเข้าไปได้อย่างไร เพราะว่าคุณ ฉันละอายใจในชีวิตของฉัน เพราะว่ามันว่างเปล่า เพราะว่าคุณ ฉันกลัวBecause of you Because of youเพราะว่าคุณ เพราะว่าคุณ Vocabulary Itemsafraid (adj) = รู้สึกกลัว เกรงว่าbreak (v) = แตก พัง สะลายdamn (adj) = จริง ๆ (informal language)empty (adj) = ว่างเปล่าfake (v) = แสร้งทำget hurt (v) = ได้รับบาทเจ็บhard (adj, adv) = แข็ง รุนแรง มีปัญหามากhardest (n, adj) = สิ่งที่ยากที่สุด ยากที่สุดmiddle (n) = กลาง บริเวณตรงกลาง ตอนกลางmisery (n) = ความทุกข์ยาก ความทุกข์ทรมานmistake (n) = ความผิดพลาดpain (n) = ความเจ็บปวดpoint something out (v) = บ่งชี้ ระบุpossibly (adv) = อย่างเป็นไปได้ sidewalk (n) = ทางเท้าstray (v) = พเนจร ท่องไปอย่างไร้จุดหมาย เที่ยวเตร่to play on the safe side = เล่นในด้านที่ปลอดภัย trust (v) = เชื่อweakness (n) = จุดอ่อนExpressionsfor the same damn thing = สำหรับสิ่งเดียวกันจริง ๆI lose my wayผมหลงทางI'm ashamed of my lifeฉันละอายใจกับชีวิตของฉันI learned to play on the safe sideฉันเรียนรู้ที่จะเล่นในด้านที่ปลอดภัยไม่เสี่ยงภัย
4 มิถุนายน 2563     |      261
Cherry Pink and Apple Blossom White
Cherry Pink and Apple Blossom Whiteเชอร์รี่สีชมพูและแอปเปิลดอกสีขาวPerez OradoSung by Pat Booneแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์It's cherry pink and apple blossom white When your true lover comes your way It's cherry pink and apple blossom white The poets sayมันคือเชอร์รี่สีชมพูและแอปเปิลดอกสีขาว เมื่อคนรักที่แท้จริงของคุณเข้ามาในชีวิตคุณ มันคือเชอร์รี่สีชมพูและแอปเปิลดอกสีขาว นักกวีกล่าวไว้ว่าเช่นนั้นThe story goes that once a cherry tree Beside an apple tree did grow And there a boy once met his bride to be Long, long agoเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อครั้งหนึ่งมีต้นเชอร์รี่ต้นหนึ่ง เจริญเติบโตขึ้นข้างๆต้นแอปเปิลต้นหนึ่ง และมีเด็กชายคนหนึ่งพบเจ้าสาวในอนาคตของเขา ณ ที่นั่น เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วThe boy looked into her eyes, it was a sight to enthrall The breezes joined in their sighs, the blossoms started to fall And as they gently caressed, the lovers looked up to find The branches of the two trees were intertwined,เด็กชายมองเข้าไปในดวงตาของเธอ มันเป็นภาพที่ทำให้หลงเสน่ห์ สายลมพัดโชยเกิดขึ้นขณะที่พวกเขาถอนหายใจ ดอกแอปเปิลก็เริ่มร่วงหล่น และขณะที่พวกเขาลูบไล้กันเบา ๆ คู่รักมองขึ้นไปก็พบว่า กิ่งก้านของต้นไม้ทั้งสองนั้นกำลังเกี่ยวพันกันAnd that is why the poets always write If there's a new moon bright above It's cherry pink and apple blossom white When you're in loveและนั่นคือเหตุผลที่นักกวีมักจะเขียนถึงเสมอ ถ้าหากมีดวงจันทร์ใหม่สว่างอยู่เบื้องบน มันคือเชอร์รี่สีชมพูและแอปเปิลดอกสีขาว เมื่อคุณกำลังมีความรักVocabulary Itemsapple (n) = ต้นแอปเปิลblossom (v, n) = ออกดอก เบ่งบาน ดอกช่อ ช่อดอกbranch (n) = กิ่งไม้breeze (n) = ลมโชยbride to be (n) = เจ้าสาวในอนาคตcaress (v) = เคล้าเคลีย ลูบไล้ คลึงเคล้าcherry (n) = ต้นเชอร์รี่enthrall (v) = หลงใหล หลงเสน่ห์fall (v) = ร่วงหล่นgently (adv) = อย่างเบาๆ อย่างถนุถนอมintertwine (v) = เกี่ยวพันกันlong, long ago = เป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้วlook up (v) = มองขึ้นข้างบน ค้นหาpink (n, adj) = สีชมพูpoet (n) = นักกวีsigh (n) = การถอนหายใจsight (n) = สัญญาน ภาพtrue (adj) = แท้จริงwhen your true lover comes your way. = เมื่อคนรักที่แท้จริงของคุณเข้ามาในชีวิตคุณwhen you're in love = เมื่อคุณกำลังมีความรักwhite (n, adj) = สีขาว
4 มิถุนายน 2563     |      1362
Spanish Eyes
Spanish EyesดวงตาแบบสเปนEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Blue Spanish eyes Teardrops are falling from your Spanish eyes Please, please don't cryดวงตาสีฟ้าแบบสเปน หยดน้ำตากำลังไหลจากดวงตาแบบสเปนของคุณ ได้โปรดเถิด โปรดอย่าร้องไห้This is just adios and not goodbye Soon I'll return Bringing you all the love your heart can hold Please say "Si, si" Say you and your Spanish eyes will wait for meนี่เป็นเพียงแค่การลาและไม่ใช่การลาจาก อีกไม่นานผมจะกลับมา นำความรักทั้งหมดที่หัวใจของคุณจะสามารถแบกรับไว้ได้มาให้คุณ กรุณาพูดว่า "ใช่คะ ได้คะ พูดว่าคุณและดวงตาแบบสเปนของคุณจะรอคอยผมBlue Spanish eyes Prettiest eyes in all of Mexico True Spanish eyesดวงตาสีฟ้าแบบสเปน ดวงตาที่สวยที่สุดในเม็กซิโกทั้งหมด ดวงตาแบบสเปนที่แท้จริงPlease smile at me once more before I go Soon I'll return Bringing you all the love your heart can hold Please say "Si, si" Say you and your Spanish eyes will wait for me Say you and your Spanish eyes will wait for meโปรดยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนที่ผมจะไป อีกไม่นานผมจะกลับมา นำความรักทั้งหมดที่หัวใจของคุณจะสามารถแบกรับไว้ได้มาให้คุณ กรุณาพูดว่า "ใช่คะ ได้คะ พูดว่าคุณและดวงตาแบบสเปนของคุณจะรอคอยผม พูดว่าคุณและดวงตาแบบสเปนของคุณจะรอคอยผมVocabulary Itemsadios (n) = การลา ภาษาสเปนblue (adj, n) = สีน้ำเงิน สีฟ้าbring (v) = นำมาให้eye (n) = ตา ดวงตาfall (v) = ไหล ตกลงgoodbye (n) = การกล่าวอำลา การลาจากhold (v) = เกาะ ยึดเหนี่ยว กอด ยึดถือไว้prettiest (adj) = สวยที่สุด น่ารักที่สุดreturn (v) = กลับมาsi, si (n) = ใช่ ok (ภาษาสเปนsoon (adv) = ในไม่ช้า โดยเร็ว เร็วๆนี้Spanish (adj) = แบบสเปน คนสเปนteardrop (n) = หยดน้ำตาwait for (v) = รอคอย
31 พฤษภาคม 2563     |      997
Sugar
Sugarน้ำตาลMaroon 5แปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I'm hurting, baby, I'm broken down I need your loving, loving, I need it now When I'm without you I'm something weak You got me begging Begging, I'm on my kneesผมกำลังเจ็บที่รัก ผมอกหัก ผมต้องการความรัก ความรักของคุณ ผมต้องการมันตอนนี้ เมื่อผมไม่มีคุณ ผมเป็นคนอ่อนแอ คุณทำให้ผมกำลังขอร้อง กำลังขอร้อง ผมกำลังคุกเข่า[1] I don't wanna be needing your love I just wanna be deep in your love And it's killing me when you're away Ooh, baby, 'Cause I really don't care where you are I just wanna be there where you are And I gotta get one little tasteผมไม่ต้องการต้องการเรียกร้องความรักจากคุณ ผมแค่อยากจะอยู่ในส่วนลึกของความรักของคุณ และความรักมันกำลังฆ่าผมเมื่อคุณจากไป โอ้ว...ที่รัก เพราะผมไม่สนใจหรอกว่าคุณอยู่ไหน ผมแค่อยากจะอยู่ตรงนั้นที่คุณอยู่ และผมต้องการลิ้มรสเล็กๆน้อยๆ[2] Your sugar Yes, please Won't you come and put it down on me I'm right here, 'cause I need Little love and little sympathy Yeah you show me good loving Make it alright Need a little sweetness in my life Your sugar Yes, please Won't you come and put it down on meน้ำตาลของคุณ ใช่เลย โปรดเถิดนะ คุณจะไม่มาและให้น้ำตาลแก่ผมหรือ? ผมอยู่ตรงนี้ เพราะว่าผมต้องการ ความรักและความเห็นอกเห็นใจเล็กๆน้อยๆ ใช่เลย คุณแสดงให้ผมเห็นถึงความรักที่ดี ทำให้มันถูกต้อง ต้องการความหวานเล็กน้อยในชีวิตของผม น้ำตาลของคุณ ใช่เลย ได้โปรดเถิดนะ คุณจะไม่มาและให้น้ำตาลแก่ผมหรือ?My broken pieces You pick them up Don't leave me hanging, hanging Come give me some When I'm without ya I'm so insecure You are the one thing The one thing, I'm living forชิ้นส่วนที่แตกสะลายของผม คุณเก็บมันขึ้นมา อย่าปล่อยให้ผมแขวนลอยอยู่ แขวนลอยอยู่ มาหาผมและให้น้ำตาลผมบ้าง เมื่อผมไม่มีคุณ ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยมาก คุณคือสิ่งเดียว ผมมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งเดียวนี้[1][2]Yeah I want that red velvet I want that sugar sweet Don't let nobody touch it Unless that somebody's me I gotta be a man There ain't no other way 'Cause girl you're hotter than southern California Bay I don't wanna play no games I don't gotta be afraid Don't give all that shy shit No make up on, that's mineใช่เลย ผมต้องการกำมะหยี่สีแดงนั้น ผมต้องการความหวานของน้ำตาลนั้น อย่าให้ใครแตะต้องมัน เว้นแต่ว่าคนนั้นคือผม ผมต้องเป็นผู้ชาย ไม่มีทางอื่นใดเลย เพราะว่า หญิงสาวเอ๋ย คุณเป็นคนที่ร้อนแรงกว่าหญิงใดในตอนใต้ของอ่าวแคลิฟอร์เนีย ผมไม่ต้องการเล่นเกมส์ใดๆ ผมไม่รู้สึกกลัว อย่าให้มีความเหนียมอายทั้งหลาย ไม่มีการชดเชย นั่นคือวิธีของผม[2] x 2Vocabulary Itemsafraid (adj) = รู้สึกเกรงกลัวbeg (v) = ขอร้องbroken down (pp) = ถูกทำให้อกหัก อกหักbroken pieces = ชิ้นส่วนที่แตกสะลายhang (v) = แขวนhurt (v) = ทำให้บาดเจ็บI'm on my knees. = ผมกำลังคุกเข่าI'm right here. = ผมอยู่ตรงนี้insecure (adj) = รู้สึกไม่ปลอดภัยkill (v) = ฆ่า ทำร้ายknee (n) = เข่าliving for = มีชีวิตอยู่เพื่อmake it alright. = ทำให้มันถูกต้องmake up (v) = ชดเชย สร้างเรื่อง กุเรื่องpick up (v) = เก็บขึ้น หยิบขึ้นput down on (v) = วางลงบนshy shit (n) = ความเหนียมอายมากแสลงsugar (n) = น้ำตาลsweetness (n) = ความหวานsympathy (n) = ความเห็นอกเห็นใจtaste (n) = รสweak (dj) = อ่อนแอya = you
31 พฤษภาคม 2563     |      290
ทั้งหมด 42 หน้า