Tsunami
TsunamiสึนามิBrianna Monoirแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์[1] Close to the edge, You drag me Into a cage I couldn't break free, You freeze me But I'm still here, come on back Tsunamiใกล้เข้าไปที่ขอบ คุณลากฉัน เข้าไปในกรง ฉันไม่สามารถเป็นอิสระได้ คุณทำให้ฉันเป็นน้ำแข็ง แต่ฉันยังอยู่ที่นี่ เชิญกลับเข้ามาสึนามิ[2] Stay a little more, I'm under control Will you let me go, will you let me go Stay a little more, I'm under control Will you let me go, will you let me go Will you let me go, will you let me go Will you let me go, will you let me goอยู่นานอีกหน่อย ฉันอยู่ภายใต้การควบคุม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม อยู่นานอีกหน่อย ฉันอยู่ภายใต้การควบคุม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม [1][3] Can't breathe, and the waves keep coming Come back, come on back Tsunami Drown me, in the sea of pleasure Stand still, come on back Tsunamiหายใจไม่ออกและคลื่นยังคงถาโถมเข้ามาเรื่อยๆ กลับมา เชิญกลับเข้ามาสึนามิ ทำให้ฉันจมน้ำตายในทะเลแห่งความสุข ยืนอยู่นิ่งๆ เชิญกลับเข้ามาสึนามิ[2] x 2[3][2]Vocabulary Itemsbreathe (v) = หายใจcage (n) = กรงclose (adj) = ใกล้ ใกล้ชิดcome on (v) = เชิญ เชิญเลยcontrol (v, n) = ควบคุม การควบคุมdrag (v) = ลาก ดึงedge (n) = ขอบfreeze (v) = แช่ให้แข็งI could break free. = ฉันไม่สามารถหนีเป็นอิสระได้I'm under control. = ฉันอยู่ภายใต้การควบคุมkeep coming (v) = เกิดขึ้นเรื่อยๆ ถาโถมเข้ามาเรื่อยๆstand still (v) ยืนอยู่นิ่งๆ still (adv) = นิ่งๆTsunami (n) = คลื่นสึนามิwave (n) = คลื่นWill you let me go? = คุณจะปล่อยให้ฉันไปไหม
31 พฤษภาคม 2563     |      217
Let Me Go
Let Me Goปล่อยฉันไปเถอะHailee Steinfeldแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์You made plans and I, I made problems We were sleeping back to back We know this thing wasn't built to last and Good on paper, picture perfect Chased the high too far, too fast Picket white fence, but we paint it blackคุณวางแผนและฉัน ฉันก่อปัญหา เรานอนหลับหันหลังให้กัน เรารู้ว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อให้เกิดการสิ้นสุดและ ให้ดูดีบนกระดาษ รูปภาพที่สมบูรณ์แบบ ไขว่คว้าความสุขล้นที่ไกลเกินไป เร็วเกินไป รั้วที่กั้นสีขาว แต่เราทามันเป็นสีดำ[1] Ooh, and I wished you had hurt me harder than I hurt you Ooh, and I wish you wouldn't wait for me but you always doโอ้...และฉันอยากให้คุณจะทำร้ายฉันหนักกว่าที่ฉันทำร้ายคุณ โอ้...และฉันอยากไม่ให้คุณรอคอยฉัน แต่คุณก็รอเสมอ[2] I've been hoping somebody loves you in the ways I couldn't Somebody's taking care of all of the mess I've made Someone you don't have to change I've been hoping Someone will love you, let me go Someone will love you, let me go I've been hoping Someone will love you, let me goฉันหวังมานานแล้วว่าจะมีบางคนรักคุณในแบบที่ฉันไม่สามารถทำได้ บางคนที่ดูแลความยุ่งเหยิงทั้งหลายที่ฉันทำไว้ บางคนที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ฉันหวังมานานแล้วว่า บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันหวังมานานแล้วว่า บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะIt's been some time, but this time ain't even I can leave it in the past But you're holding on to what you never had Good on paper, picture perfect Chased the high too far, too fast Picket white fence, but we paint it blackมันเป็นเวลานานมาแล้ว แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม ฉันสามารถทิ้งมันไว้เป็นอดีต แต่คุณกำลังยึดเหนี่ยวไว้กับสิ่งที่คุณไม่เคยมี ให้ดูดีบนกระดาษ รูปภาพที่สมบูรณ์แบบ ไขว่คว้าความสุขล้นที่ไกลเกินไป เร็วเกินไป รั้วที่กั้นสีขาว แต่เราทามันเป็นสีดำ[1][2]I've been hoping Someone will love you, let me go (go, go, go) Someone will love you, let me go (go, go, go) Someone will love you, let me go (go, go, go) Someone will love you, let me go (go, go, go) Someone will love you, let me goฉันหวังมานานแล้วว่า บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยไป ปล่อยไป ปล่อยไป บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะปล่อยไป ปล่อยไป ปล่อยไป บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ ปล่อยไป ปล่อยไป ปล่อยไป บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะปล่อยไป ปล่อยไป ปล่อยไป บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ I've been hoping somebody loves you in the ways I couldn't Somebody's taking care of all of the mess I've made Someone you don't have to change I've been hoping Someone will love you, let me goฉันหวังมานานแล้วว่า จะมีบางคนรักคุณในแบบที่ฉันไม่สามารถทำได้ บางคนที่ดูแลความยุ่งเหยิงทั้งหลายที่ฉันทำไว้ บางคนที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ฉันหวังมานานแล้วว่า บางคนที่จะรักคุณ ปล่อยฉันไปเถอะ Vocabulary Itemsback to back = หลังชนกันblack (n, adj) = ดำ สีดำcare (v) = สนใจใยดีchange (v) = เปลี่ยนแปลchase (v) = ไขว่คว้า ขับไล่ ไล่ติดตามfence (n) = รั้วhigh (n) = ความสุขล้น ความสูงhold (v) = ยึดเหนี่ยว เหนี่ยวรั้งhope (v,n) = หวัง ความหวังhurt (v) = ทำร้าย ทำอันตรายlast (v) = สิ้นสุดleave (v) = ละทิ้ง ทิ้งไว้let me go. = ปล่อยฉันไปเถอะmess (n) = ความยุ่งเยิง ความไม่เป็นระเบียบpaint (v) = ทาสีpaper (n) = กระดาษ เอกสารperfect (adj) = สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติpicket (n) = ที่กั้นpicture (n) = รูปภาพplan (n) = แผนการproblem (n) = ปัญหาtoo far (adj) = ไกลเกินไปtoo fast (adj) = เร็วเกินไปwait for (v) = รอคอยwhite (n, adj) = ขาว สีขาว
31 พฤษภาคม 2563     |      409
Listen to the Pouring Rain
Listen to the Pouring Rainจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกกระหน่ำJose Felicianoแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Listen to the pouring rain Listen to it pour And with every drop of rain You know I love you moreจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกกระหน่ำฟังที่มันตกเทลงมาและทุกๆเม็ดฝนคุณรู้ว่าผมรักคุณมากขึ้นLet it rain all night long Let my love for you go strong As long as we're together Who cares about the weather?            ขอให้มันตกลงมาตลอดทั้งคืน            ขอให้ความรักของผมสำหรับคุณจงมีความเข้มแข็ง            ตราบเท่าที่เราอยู่ด้วยกัน            ใครเล่าจะสนใจใยดีเรื่องดินฟ้าอากาศ?Listen to the falling rain Listen to it fallจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกลงมาฟังเสียงฝนตกลงมา[1] And with every drop of rain I can hear you call Call my name right out loud I can here above the clouds And I'm here among the puddles You and I together huddleจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกลงมาฟังเสียงฝนตกลงมาและทุกๆเม็ดฝนผมได้ยินเสียงคุณเรียกเรียกชื่อของผมเสียงดังมากผมสามารถได้ยินเหนือเสียงของเมฆและผมอยู่ที่นี่ท่ามกลางของหลุมบ่อน้ำฝนคุณและผมเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน[2] Listen to the falling rain Listen to the rainจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกลงมาฟังเสียงฝนIt's raining It's pouring The old man is snoring Went to bed And bumped his head He couldn't get up in the morningมันกำลังตกมันกำลังเทกระหน่ำลงมาชายแก่กำลังกรนเข้านอนและหัวชนเตียงเขาไม่สามารถตื่นขึ้นได้ในตอนเช้าListen to the falling rain Listen to it fallจงฟังเสียงฝนที่กำลังตกลงมาจงฟังเสียงฝน[1][2]Vocabulary Itemsall night long = ตลอดทั้งคืนbump (v) = โขก ชน กระแทกcall my name = เรียกชื่อผมcare (v) = สนใจใยดี cloud (n) = ก้อนเมฆdrop of rain (n) = เม็ดฝนfalling rain (n) = ฝนกำลังตกhuddle (v) = เบียดเสียดpour (v) = เทกระหน่ำ รินน้ำ เทน้ำpouring rain (n) = ฝนที่กำลังตกกระหน่ำpuddle (n) = หลุมบ่อน้ำฝนright out loud = เสียงดังมากsnore (v) = กรนstrong (adj) = เข้มแข็ง แข็งแรงtogether (adv) = อยู่ด้วยกันweather (n) = ดินฟ้าอากาศ
31 พฤษภาคม 2563     |      646
For Your Eyes Only
For Your Eyes Onlyสำหรับสายตาคุณเท่านั้นSheena Eastonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์For your eyes only, can see me through the night For your eyes only, I never need to hide You can see so much in me, so much in me that's new I never felt until I looked at youสำหรับสายตาของคุณเท่านั้นที่สามารถเห็นฉันตลอดทั้งคืน สำหรับสายตาของคุณเท่านั้นฉันไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นเลย คุณสามารถเห็นฉันได้มากมายในตัวฉัน มากมายในตัวฉันซึ่งเป็นสิ่งใหม่ ฉันไม่เคยมีความรู้สึกจนกว่าฉันมองคุณFor your eyes only, only for you You'll see what no one else can see, and now I'm breaking free For your eyes only, only for you The love I know you need in me, the fantasy you've freed in me Only for you, only for youสำหรับสายตาของคุณเท่านั้น สำหรับคุณเท่านั้น คุณจะเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเห็น และตอนนี้ฉันมีความรู้สึกเป็นอิสระ สำหรับสายตาของคุณเท่านั้น สำหรับคุณเท่านั้น ความรักที่ฉันรู้ว่าคุณต้องการในตัวฉัน จินตนาการต่างๆนาๆเกี่ยวกับตัวฉัน สำหรับคุณเท่านั้น สำหรับคุณเท่านั้นFor your eyes only, the nights are never cold You really know me, that's all I need to know Maybe I'm an open book because I know you're mine But you won't need to read between the linesสำหรับสายตาของคุณเท่านั้น กลางคืนไม่เคยหนาวเย็นเลย คุณรู้จักฉันอย่างแท้จริง นั่นคือทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ อาจเป็นไปได้ว่าฉันเป็นหนังสือที่เปิดเพราะว่าฉันรู้ว่าคุณเป็นของฉัน แต่ว่าคุณไม่จำเป็นที่จะอ่านระหว่างบรรทัดนะFor your eyes only, only for you You see what no one else can see, and now I'm breaking free For your eyes only, only for you The passions that collide in me, the wild abandoned side of me Only for you, for your eyes onlyสำหรับสายตาของคุณเท่านั้น สำหรับคุณเท่านั้น คุณเห็นสิ่งที่ไม่มีใครเห็น และตอนนี้ฉันมีความรู้สึกเป็นอิสระ สำหรับสายตาของคุณเท่านั้น สำหรับคุณเท่านั้น ตัณหาที่ซ่อนอยู่ในตัวฉัน ด้านหนึ่งของฉันซึ่งถูกละทิ้งไว้และเร้าร้อน สำหรับคุณเท่านั้น สำหรับสายตาคุณเท่านั้นVocabulary Itemsabandon (v) = ละทิ้ง ทอดทิ้งabandoned side of me = ด้านที่ถูกละทิ้งไว้break free (v) = เป็นอิสระ สลัดโว่ตรวนeye (n) = ตา สายตาfantasy (n) = จินตนาการเจิดจ้า ความคิดในจินตนาการfeel, felt, felt (v) = รู้สึกfree, freed, freed (v) = เป็นอิสระfreed in me = คิดต่างๆนาๆเกี่ยวกับตัวฉันhide (v) = ซ่อนเร้น แอบซ่อนno one else = ไม่มีใครอื่นอีกopen book (n) = หนังสือที่เปิดอยู่ เปิดเผยpassion (n) = ตัณหา ความอยากเพศรส ความรู้สึกที่ต้องการมาก through (prep) = ตลอดto read between the lines = อ่านระหว่างบรรทัด ตีความwild (adj) = เร้าร้อน ป่าเถื่อน
31 พฤษภาคม 2563     |      523
Till the End of Time
Till the End of TimeจวบจนหมดเวลาEarl Grantแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์At the end of a rainbow, You´ll find a pot of gold At the end of a story, You´ll find it´s all been told. But our love has a treasure Our hearts always spend And it has a story without any endที่ตอนปลายของรุ้งกินน้ำ คุณจะพบหม้อทองคำ ที่ตอนท้ายของเรื่อง คุณจะพบว่าทุกอย่างที่ได้รับการบอกกล่าวมาแล้ว แต่ความรักของเรามีสมบัติ ที่หัวใจของเราใช้จ่ายอยู่เสมอ และมันมีเรื่องราวที่ไม่มีที่สิ้นสุดAt the end of a river, The water stops its flow At the end of a highway, There´s no place you can go But just tell me you love And you are only mine And our love will go on till the end of timeที่ตอนปลายของแม่น้ำ น้ำหยุดไหล ที่ตอนปลายของถนนหลวง ไม่มีที่ที่คุณสามารถไปต่อได้ แต่เพียงบอกฉันว่าคุณรัก และคุณเป็นของผมเท่านั้น และความรักของเราจะดำเนินต่อไปจวบจนหมดเวลาAt the end of a river, The water stops its flow At the end of a highway, There´s no place you can go But just tell me you love And you are only mine And our love will go on till the end of time Till the end of time...ที่ตอนปลายของแม่น้ำ น้ำหยุดไหล ที่ตอนปลายของถนนหลวง ไม่มีที่ที่คุณสามารถไปต่อได้ แต่เพียงบอกฉันว่าคุณรัก และคุณเป็นของผมเท่านั้น และความรักของเราจะดำเนินต่อไปจวบจนหมดเวลา จวบจนหมดเวลา...Vocabulary Itemsat the end of = ตอนท้ายของ ตอนปลายของ flow (v,n) = ไหล การไหลgold (n) = ทองคำhighway (n) = ทางหลวง ถนนหลวงplace (n) = สถานที่pot (n) = หม้อrainbow (n) = รุ้งกินน้ำriver (n) = แม่น้ำspend (v) = ใช้เงิน ใช้เวลา story (n) = เรื่องราวthe end of time = จวบจนหมดเวลา หมดเวลา การสิ้นสุดของเวลาtill (prep) = จนกระทั่ง จนกว่าtreasure (n) = สมบัติwithout any end = ไม่มีที่สิ้นสุด
31 พฤษภาคม 2563     |      838
I Will Always Be With You
I Will Always Be With Youฉันจะอยู่กับคุณเสมอSheena Easton & Jesse Cortiแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I will always be with you. Makes no difference where Your road takes you to. Even if we're apart, Now we're joined at the heart. Though our moment may be gone You and I will still live on.ฉันจะอยู่กับคุณเสมอ. ทำให้ไม่มีความแตกต่างว่าเป็นที่ไหน ที่ถนนของคุณนำพาคุณไป แม้ว่าเราจะแยกจากกัน ตอนนี้เราเชื่อมสัมพันธ์กันที่หัวใจ แม้ว่าช่วงเวลาของเราอาจหายไป คุณและฉันจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปI will always be with you. I'll be by your side whatever you do. Other memories may fade, But the ones that we made Are eternal as a star. Now I'm part of who you are.ฉันจะอยู่กับคุณเสมอ. ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าคุณทำอะไร ความทรงจำต่างๆอาจจางหายไป แต่ความทรงจำที่เราก่อขึ้น เป็นนิรันดร์เหมือนดวงดาว ตอนนี้ฉันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นคุณAnd I'll be there with you in the sound of your laughter. I'll be in the tears you cry, 'Cause the way you and I Have touched one another Doesn't end with goodbye.และฉันจะอยู่กับคุณในเสียงหัวเราะของคุณ ฉันจะอยู่ในน้ำตาที่คุณร้องไห้ เพราะวิธีที่คุณและฉัน ได้สัมผัสซึ่งกันและกัน ไม่สิ้นสุดด้วยลาก่อนI will always be with you, Like a guardian angel, constant and true. When you're lost in the night And you can't see the light My love will see you through.ฉันจะอยู่กับคุณเสมอ. เหมือนดั่งนางฟ้าผู้พิทักษ์ คงอยู่เสมอและซื่อสัตย์ เมื่อคุณหลงทางในเวลากลางคืน และคุณไม่สามารถมองเห็นแสงสว่าง ความรักของฉันจะนำทางให้แก่คุณI will always be there. You have me there. I will always be with you.ฉันจะอยู่ที่นั่นเสมอ คุณมีฉันที่นั่น ฉันจะอยู่กับคุณเสมอ. Vocabulary Itemsapart (adj) = แยกออกจากกัน อยู่ห่างกันby your side = เคียงข้างคุณconstant (adj) = ตลอดเวลาdifference (n) = ความแตกต่างeternal (adj) = ชั่วนิรันดร์guardian angel (n) = นางฟ้าผู้พิทักษ์join (v) = เชื่อต่อกัน ติดกันlaughter (n) = การหัวเราะlive on (v) = ดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปmemory (n) = ความทรงจำroad (n) = ถนน
31 พฤษภาคม 2563     |      931
Just the Way You Are
Just the Way You Areอย่างที่คุณเป็นนี่แหละBruno Marsแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Oh, her eyes, her eyes make the stars look like they're not shinin' Her hair, her hair falls perfectly without her trying She's so beautiful and I tell her everyday Yeah, I know, I know when I compliment her she won't believe me And it's so, it's so sad to think that she don't see what I see But every time she asks me "Do I look okay?" I sayโอ้...ตาของเธอ ดวงตาของเธอทำให้ดวงดาวดูเหมือนว่าไม่ส่องแสง ผมของเธอ ผมของเธอย้อยลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยเธอไม่ต้องพยายาม เธอสวยมากและผมก็บอกเธอทุกวัน ใช่เลย ผมรู้ ผมรู้ว่าเมื่อผมชมเธอ เธอจะไม่เชื่อผม และมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้า น่าเศร้ามากที่คิดว่าเธอไม่เห็นสิ่งที่ผมเห็น แต่ทุกครั้งที่เธอถามผมว่า "ฉันดูโอเคไหมคะ?" ผมพูดว่า[1] When I see your face There's not a thing that I would change 'cause you're amazing Just the way you are And when you smile The whole world stops and stares for a while 'Cause girl you're amazing Just the way you are Yeahเมื่อผมเห็นใบหน้าคุณ ไม่มีสิ่งใดที่ผมอยากจะเปลี่ยนเพราะคุณน่าทึ่ง อย่างที่คุณเป็นนี่แหละ และเมื่อคุณยิ้ม โลกทั้งใบหยุดและจ้องมองไปพักหนึ่ง เพราะหญิงสาวเอ๋ยคุณน่าทึ่ง อย่างที่คุณเป็นนี่แหละ ใช่เลยHer lips, her lips, I could kiss them all day if she'd let me Her laugh, her laugh she hates but I think it's so sexy She's so beautiful, and I tell her everydayOh you know, you know, you know I'd never ask you to change If perfect's what you're searching for then just stay the same So don't even bother asking if you look okay, you know I'll sayริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากของเธอ ผมสามารถจูบได้ทั้งวันถ้าเธอจะอนุญาตผม เสียงหัวเราะของเธอ เสียงหัวเราะของเธอที่เธอเกลียด แต่ผมคิดว่ามันเซ็กซี่มาก เธอสวยมากและผมก็บอกเธอทุกวัน โอ้...คุณรู้ คุณรู้ คุณรู้ว่าผมไม่เคยขอให้คุณเปลี่ยนแปลงเลย ถ้าความสมบูรณ์แบบคือสิ่งที่คุณกำลังค้นหาอยู่ละก็เพียงขอให้เหมือนเดิมทุกอย่าง ดังนั้นอย่ากังวลเลยที่จะถามว่าคุณดูโอเคหรือเปล่า คุณรู้ว่าผมจะพูด[1]The way you are The way you are Girl, you're amazing Just the way you areอย่างที่คุณเป็น อย่างที่คุณเป็น เพราะหญิงสาวเอ๋ยคุณน่าทึ่ง อย่างที่คุณเป็นนี่แหละ [1]Vocabulary Itemsamazing (adj) = น่าทึ่งbeautiful (adj) = สวยbeautiful (adj) = สวยbelieve (v) = เชื่อbother (v) = รบกวน กังวลchange (v) = เปลี่ยนแปลงcompliment (v, n) = ชม ชมเชย คำชมeye (n) = ดวงตาface (n) = ใบหน้าfall (v) = ตก ห้อย ย้อยfor a while = ชั่วระยะเวลาหนึ่งhair (n) = ผม เรือนผมhate (v) = เกลียดjust stay the same = ขอให้เหมือนเดิมทุกอย่างkiss (v) = จูบlaugh (n) = การหัวเราะlet (v) = อนุญาตlip (n) = ริมฝีปากperfectly (adv) = อย่างสมบูรณ์searching for (v) = ค้นหาsexy (adj) = เซ็กซี่shine (v) = ส่องแสงstar (n) = ดวงดาวstare (v) = จ้องมอง
31 พฤษภาคม 2563     |      213
Misty _ Frank Sinatra
MistyเลือนรางFrank Sinatraแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Look at me I'm as helpless as a kitten up a tree And I feel like I'm clinging to a cloud I can't understand I get misty just holding your handมองที่ผมสิ ผมทำอะไรไม่ถูกเหมือนดั่งลูกแมวขึ้นต้นไม้ และผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังเกาะก้อนเมฆ ผมไม่สามารถเข้าใจได้ ผมรู้สึกเลือนรางเพียงแต่จับมือคุณไว้Walk my way And a thousand violins begin to play Or it might be the sound of your hello That music I hear I get misty the moment you're nearเดินไปตามทางของผม และไวโอลินจำนวนเป็นพันก็เริ่มบรรเลง หรืออาจเป็นเสียงพูดสวัสดีของคุณ ที่เป็นเพลงซึ่งผมได้ยิน ผมรู้สึกเลือนรางในช่วงเวลาที่คุณอยู่ใกล้You can say that you're leading me on But it's just what I want you to do Don't you notice how hopelessly I'm lost That's why I'm following youคุณสามารถพูดได้ว่าคุณกำลังนำทางผม แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการให้คุณทำ คุณไม่สังเกตเห็นหรือว่าผมหลงทางอย่างสิ้นหวัง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมติดตามคุณOn my own Would I wander through this wonderland alone Never knowing my right foot from my left My hat from my glove I'm too misty, and too much in love I'm just too misty and too much in loveตามลำพัง ผมจะพเนจรไปในดินแดนมหัศจรรย์นี้คนเดียวได้ไหม ไม่เคยรู้เท้าขวาของผมจากซ้ายของผม ไม่รู้ซ้ายรู้ขวา งงงวย ไม่เคยรู้หมวกของผมจากถุงมือของผม ไม่รู้อะไรเป็นอะไร งง สับสน ผมมีความรู้สึกเลือนรางมากและหลงรักมากเกินไป ผมเพียงมีความรู้สึกเลือนรางมากและหลงรักมากเกินไปVocabulary Itemsalone (adv) = คนเดียว ตามลำพังcling (v) = เกาะcloud (n) = ก้อนเมฆfollow (v) = ติดตามhello (n) = การกล่าวทักทายhelpless (adj) = ทำอะไรไม่ถูก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้hold (v) = เกาะกุม ยึด กอดhopelessly (adv) = อย่างสิ้นหวัง I'm lost. = ผมหลงทาง ผมทำอะไรไม่ถูก ผมงงkitten (n) = ลูกแมวlead on (v) = นำหน้า นำทาง จูงmisty (adj) = เลือนราง คลุมเครือ มีหมอกMy hat from my glove. = ไม่รู้อะไรเป็นอะไร งง สับสนNever knowing my right foot from my left = ไม่รู้ซ้ายรู้ขวา งงงวยnotice (v) = สังเกตunderstand (v) = เข้าใจviolin (n) = ไวโอลินwander (v) = ท่องเที่ยวไปอย่างไร้จุดหมาย เที่ยวเตร่ พเนจรwonderland (n) = ดินแดนมหัศจรรย์
29 พฤษภาคม 2563     |      176
Misty _ Johnny Mathis
MistyเลือนรางJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Look at me I'm as helpless as a kitten up a tree And I feel like I'm clinging to a cloud I can't understand I get misty just holding your handมองที่ผมสิ ผมทำอะไรไม่ถูกเหมือนดั่งลูกแมวขึ้นต้นไม้ และผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังเกาะก้อนเมฆ ผมไม่สามารถเข้าใจได้ ผมรู้สึกเลือนรางเพียงแต่จับมือคุณไว้Walk my way And a thousand violins begin to play Or it might be the sound of your hello That music I hear I get misty the moment you're nearเดินไปตามทางของผม และไวโอลินจำนวนเป็นพันก็เริ่มบรรเลง หรืออาจเป็นเสียงพูดสวัสดีของคุณ ที่เป็นเพลงซึ่งผมได้ยิน ผมรู้สึกเลือนรางในช่วงเวลาที่คุณอยู่ใกล้You can say that you're leading me on But it's just what I want you to do Don't you notice how hopelessly I'm lost That's why I'm following youคุณสามารถพูดได้ว่าคุณกำลังนำทางผม แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการให้คุณทำ คุณไม่สังเกตเห็นหรือว่าผมหลงทางอย่างสิ้นหวัง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมติดตามคุณOn my own Would I wander through this wonderland alone Never knowing my right foot from my left My hat from my glove I'm too misty, and too much in love I'm just too misty and too much in loveตามลำพัง ผมจะพเนจรไปในดินแดนมหัศจรรย์นี้คนเดียวได้ไหม ไม่เคยรู้เท้าขวาของผมจากซ้ายของผม ไม่รู้ซ้ายรู้ขวา งงงวย ไม่เคยรู้หมวกของผมจากถุงมือของผม ไม่รู้อะไรเป็นอะไร งง สับสน ผมมีความรู้สึกเลือนรางมากและหลงรักมากเกินไป ผมเพียงมีความรู้สึกเลือนรางมากและหลงรักมากเกินไปVocabulary Itemsalone (adv) = คนเดียว ตามลำพังcling (v) = เกาะcloud (n) = ก้อนเมฆfollow (v) = ติดตามhello (n) = การกล่าวทักทายhelpless (adj) = ทำอะไรไม่ถูก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้hold (v) = เกาะกุม ยึด กอดhopelessly (adv) = อย่างสิ้นหวัง I'm lost. = ผมหลงทาง ผมทำอะไรไม่ถูก ผมงงkitten (n) = ลูกแมวlead on (v) = นำหน้า นำทาง จูงmisty (adj) = เลือนราง คลุมเครือ มีหมอกMy hat from my glove. = ไม่รู้อะไรเป็นอะไร งง สับสนNever knowing my right foot from my left = ไม่รู้ซ้ายรู้ขวา งงงวยnotice (v) = สังเกตunderstand (v) = เข้าใจviolin (n) = ไวโอลินwander (v) = ท่องเที่ยวไปอย่างไร้จุดหมาย เที่ยวเตร่ พเนจรwonderland (n) = ดินแดนมหัศจรรย์
29 พฤษภาคม 2563     |      3517
Love Is Blind
Love Is Blind (ความรักคือตาบอดJohnny Tillotsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์I fell in love, in love with you, I took a chance, you love me too, I should have known, right from the start, That someday baby, you would break my heart...ผมรู้สึกว่าตกหลุมรัก ตกหลุมรักกับคุณผมฉวยโอกาส คุณก็รักผมด้วยเช่นเดียวกันผมควรจะรู้ ตั้งแต่เริ่มต้นว่าสักวันหนึ่ง ที่รัก คุณจะทำให้ผมอกหัก[1] Oh, love is blind, So very blind, Well, love is blind, And so unkind, I love you so, I couldn't see, That someday you would make a fool of me...โอ้...ความรักคือตาบอด ตาบอดสนิทอ้า...ความรักคือตาบอด และทารุณโหดร้ายมากผมรักคุณ ดังนั้นผมจึงมองไม่เห็นว่าสักวันหนึ่ง คุณจะทำให้ผมดูเป็นคนโง่You swore at me, that you'd be true, And I believe, believe in you, How could I know, that I was wrong, That you will lying to me all along...คุณเคยสาบานกับผมว่าคุณจะซื่อสัตย์และผมก็เชื่อ เชื่อในตัวคุณผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมผิดว่าคุณจะโกหกผมมาตลอดเวลา[1]Vocabulary Itemsall along = ตลอดเวลา ตลอดมาbelieve in (v) = เชื่อfell in love (v) = ตกหลุมรักI should have known. = ผมควรจะรู้ แต่ก็ไม่รู้I took a chance. = ผมฉวยโอกาสlie (v) = โกหกLove is blind. = ความรักคือตาบอดright from the start = ตั้งแต่เริ่มต้นswear, swore, sworn (v) = สาบานtrue (adj) = ซื่อสัตย์unkind (adj) = ใจดำ ใจร้าย ไร้ความเมตตาwrong (adj) = ผิดYou would break my heart. = คุณจะทำให้ผมอกหักYou would make a fool of me. = คุณจะทำให้ผมดูเป็นคนโง่
29 พฤษภาคม 2563     |      164
Let Me Be
Let Me Beขอให้ผมเป็นเถอะThe Cascadesแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Well, you told me that you wanted me to be the one But all you every wanted was to have some fun You cheated and you lied I hope you're satisfied Why won't you let me beอ้า...คุณบอกผมว่าคุณต้องการให้ผมเป็นคนรักในใจคุณ แต่สิ่งที่คุณต้องการที่แท้จริงคือการได้สนุกสนาน คุณหลอกลวงและโกหก ผมหวังว่าคุณพอใจ ทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นคนรักของคุณล่ะ?Well I try to walk away but every time I do You tell me that you're sorry and that you'll be true I take you back again and then you lie to me again Why won't you let me beอ้า...ผมพยายามเดินหนีไป แต่ทุกครั้งที่ผมทำ คุณบอกผมว่าคุณเสียใจและคุณจะซื่อสัตย์ ผมพาคุณกลับมาอีกครั้ง และแล้วคุณก็โกหกผมอีก ทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นคนรักของคุณล่ะ[1] Why don't you set me free Oh, baby, baby, why Why won't you let me be Baby, baby why Let me know all I want to know Why won't you let me goทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นอิสระ? โอ้...ที่รัก ที่รัก ทำไม? ทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นคนรักของคุณล่ะ ที่รัก ที่รัก ทำไม? ขอให้ผมรู้ทุกอย่างที่ผมต้องการรู้ ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ผมไป[2] I guess that I will always be in love with you And yet I know that you're the kind that can't be true So let me go away Don't try and make me stay Please won't you let me beผมคาดเดาว่าผมจะรักคุณเสมอ และถึงกระนั้นผมก็รู้ว่าคุณเป็นคนแบบที่ไม่ซื่อสัตย์ ดังนั้น จงปล่อยให้ผมจากไปเถอะ อย่าพยายามทำให้ผมอยู่เลย โปรดเถอะ คุณจะไม่ให้ผมเป็นคนรักของคุณหรือ?[1] [2]Vocabulary Itemsbaby (n) = ที่รัก ภาษาพูดbe in love with you = หลงรักคุณcheat (v) = หลอกลวงevery want = ต้องการอย่างแท้จริงfun (n) = ความสนุกสนานguess (v) = เดา คาดเดาlie (v) = โกหกsatisfy (v) = พึงพอใจset someone free = ปล่อยให้บางคนเป็นอิสระsorry (adj) = เสียใจ ขอโทษtake back (v) = นำกลับคืนมาto be the one = เป็นคนรักในใจtrue (adj) = ซื่อสัตย์try (v) = พยายามwalk away (v) = เดินหนีไป เดินจากไปWhy won't you let me be (the one)? = ทำไมคุณไม่ให้ผมเป็นคนรักของคุณล่ะ?you're the kind = คุณเป็นคนแบบที่
27 พฤษภาคม 2563     |      248
It's Not for Me to Say
It's Not for Me to Say (มันไม่ใช่ผมที่จะพูดJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์It's not for me to say you love me It's not for me to say you'll always care Oh, but here for the moment I can hold you fast And press your lips to mine And dream that love will lastไม่ใช่ผมที่จะบอกว่าคุณรักผม ไม่ใช่ผมที่จะบอกว่าคุณจะห่วงใยเสมอ โอ้... แต่ที่นี่ตอนนี้ผมสามารถอุ้มคุณได้อย่างรวดเร็ว และกดริมฝีปากของคุณกับริมฝีปากของผม และฝันว่าความรักจะคงอยู่เสมอAs far as I can see this is heaven And speaking just for me, it's ours to share Perhaps the glow of love will grow with every passing day Or we may never meet again But then, it's not for me to sayตราบเท่าที่ผมสามารถเห็นได้ นี่คือสวรรค์ และเมื่อพูดถึงเพียงแต่สำหรับผม มันเป็นของเราที่จะแบ่งปัน บางทีการเปล่งประกายของความรักจะเติบโตทุกๆวันที่ผ่านไป หรือเราอาจไม่พบกันอีกเลย แต่แล้วมันก็ไม่ใช่ผมที่จะพูดAnd speaking just for me, it's ours to share Perhaps the glow of love will grow with every passing day Or we may never meet again But then, it's not for me to sayและเมื่อพูดถึงเพียงแต่สำหรับผม มันเป็นของเราที่จะแบ่งปัน บางทีการเปล่งประกายของความรักจะเติบโตทุกๆวันที่ผ่านไป หรือเราอาจไม่พบกันอีกเลย แต่แล้วมันก็ไม่ใช่ผมที่จะพูดVocabulary Itemsas far as = ตราบเท่าที่care (v) = สนใจใยดี เป็นห่วงfast (adv) = อย่างรวดเร็วfor the moment = ช่วงเวลาหนึ่ง ประเดี๋ยวเดียวglow (n) = การเปล่งประกายgrow (v) = เจริญเติบโต พัฒนาการheaven (n) = สวรรค์hold (v) = กอด ยึดเหนี่ยวlast (v) = คงอยู่เสมอ เป็นนิรันดร์lip (n) = รีมฝีปากperhaps (adv) = บางที บางครั้งpress (v) = กด ประทับshare (v) = แบ่งปัน ใช้ร่วมกันwith every passing day = กับทุกๆวันที่ผ่านไป
27 พฤษภาคม 2563     |      526
ทั้งหมด 42 หน้า