It Has to Be
It Has to Be มันจึงต้องเป็นSue Thompsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Although you mean and throw to meJust like a fool won't set you freeแม้ว่าคุณตั้งใจและตำหนิฉัน            เหมือนดั่งคนโง่ ไม่ปล่อยให้คุณเป็นอิสระI love you so oh don't you know it has to beAlthough at times your love's not true thoughYou've had friends I know not whoCan't let you go I love you so it has to beฉันรักคุณมากล้น คุณไม่รู้หรือว่ามันจึงต้องเป็น            ถึงแม้ว่า ตอนนี้ความรักของคุณมันไม่แท้จริง            คุณมีเพื่อนฝูง ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครซึ่ง            ไม่สามารถปล่อยให้คุณเป็นอิสระได้ ฉันรักคุณดังนั้นมันจึงต้องเป็นเช่นนี้Well you can't be happy no useTo try I wouldn't be satisfiedIf you were gone and I was not by your sideอ้า...คุณไม่สามารถมีความสุข ไม่มีประโยชน์            ที่จะพยายาม ฉันไม่พึงพอใจ            ถ้าคุณหนีจากไป และฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณAlthough the tears off dim my eyesI'm not too fit to sit and cryIt's half a true it's only you it has to beWell you can't be happy no use to tryI wouldn't be satisfiedแม้ว่าน้ำตาทำให้สายตาฉันมัวลง            ฉันก็ไม่เหมาะมากที่จะนั่งลงและร่ำไห้            มันเป็นความจริงครึ่งหนึ่งที่ว่า มันเป็นเพียงเพราะคุณที่ทำให้เป็นเช่นนี้อ้า...คุณไม่สามารถมีความสุข ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายาม            ฉันไม่พึงพอใจIf you were gone and I was not by your sideAlthough the tears off dim my eyesI'm not too fit to sit and cry it's half a trueIt's only you it has to be            ถ้าคุณหนีจากไป และฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณแม้ว่าน้ำตาทำให้สายตาฉันมัวลง            ฉันก็ไม่เหมาะมากที่จะนั่งลงและร่ำไห้ มันเป็นความจริงครึ่งหนึ่ง            มันเป็นเพียงเพราะคุณ มันจึงต้องเป็นเช่นนี้Vocabulary Itemsat times = ตอนนั้น ช่วงเวลานั้นCan't let you go. = ไม่สามารถปล่อยให้คุณไปได้dim (v) = ทำให้มัว ทำให้มีแสงน้อยfit (adj) = เหมาะสมfool (n) = คนโง่ คนเขลาhas to (v) = จำเป็นต้องIf you were gone and I was not by your side, = ถ้าคุณหนีจากไป และฉันไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณmean (v) = ตั้งใจsatisfy (v) = พึงพอใจset someone free = ปล่อยให้เป็นอิสระthough (adv, conj) = แม้ว่า แต่อย่างไรก็ตามthrow to (v) = โยนไปยัง ตำหนิtrue (adj) = แท้จริง
27 พฤษภาคม 2563     |      219
Have a Good Time
Have a Good Timeขอให้มีความสุขSue Thompsonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Goodbye (goodbye) I hate to see you go But have a good time (have a good time) So long, I'll miss you, dear, I know But have a good time (have a good time)ลาก่อน (ลาก่อน) ฉันเกลียดที่จะเห็นคุณจากไป แต่ขอให้มีความสุข (ขอให้มีความสุข) ลาก่อนนะ ฉันจะคิดถึงคุณ ที่รัก ฉันรู้ แต่ขอให้มีความสุข (ขอให้มีความสุข)Have your fling, be gay with your new love I'm setting you free Dance and sing, pretend that it's true love Don't worry 'bout meสนุกให้เต็มที่ ร่าเริงแจ่มใสกับความรักครั้งใหม่ของคุณนะ ฉันกำลังให้คุณเป็นอิสระ เต้นรำและร้องเพลง แกล้งทำเป็นว่ามันเป็นความรักที่แท้จริง ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันนะI-I-I-I know (I know) that tears will only drive you Farther away (farther away) Just go, forget that I'm alive It's your holiday (it's your holiday)ฉัน - ฉัน - ฉัน - ฉันรู้ (ฉันรู้) ว่าน้ำตาจะขับไล่คุณ ไกลออกไป (ไกลออกไป) เพียงแต่จงไป ลืมเลยว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ มันเป็นวันหยุดเทศกาลของคุณ (มันเป็นวันหยุดเทศกาลของคุณ)When you're tired of being reckless and carefree Remember that I'll be waiting to welcome you home So have a good time (have a good time)เมื่อคุณเบื่อกับการประพฤติบ้าบิ่นและไร้กังวล โปรดจำไว้ว่าฉันจะรอต้อนรับคุณที่บ้าน ดังนั้นขอให้มีความสุข (ขอให้มีความสุข)Bye, baby I hate to see you go but have a good time So long You know, I'm really gonna miss you but have a good time And, honey when you're tired of being reckless and carefree Remember that I'll be waiting to welcome you home So have a good time (have a good time) Have a good time, babyลาก่อนที่รัก ฉันเกลียดที่จะเห็นคุณจากไป แต่ขอให้มีความสุข ลาก่อนนะ คุณรู้ว่าฉันจะคิดถึงคุณจริงๆ แต่ขอให้มีความสุข และที่รัก เมื่อคุณเบื่อกับการประพฤติบ้าบิ่นและไร้กังวล โปรดจำไว้ว่าฉันจะรอต้อนรับคุณที่บ้าน ดังนั้นขอให้มีความสุข (ขอให้มีความสุข) ขอให้มีความสุขนะที่รักVocabulary Items‘bout, about (prep) = เกี่ยวกับalive (adj) = มีชีวิตอยู่carefree (adj) = ไร้กังวลdance (v) = เต้นรำDon't worry 'bout me. =ไม่ต้องห่วงเรื่องฉันนะdrive (v) = ขับไล่farther away (adv) = ไกลออกไปfling (n) = การสนุกอย่างเต็มที่forget (v) = ลืมgay (adj) = ร่าเริงแจ่มใสgoodbye (v, n) = ลาก่อน การอำลาhate (v) = เกลียดHave a good time = ขอให้มีความสุขholiday (n) = วันหยุดเทศกาลhoney (n) = ที่รักI'm setting you free. = ฉันกำลังปล่อยให้คุณเป็นอิสระmiss (v) = คิดถึงpretend (v) = แกล้งทำreckless (adj) = มีประพฤติบ้าบิ่น sing (v) = ร้องเพลงso long (v) = ลาก่อนtear (n) = น้ำตาtired of (adj) = เบื่อหน่ายtrue (adj) = แท้จริง welcome (v) = ต้อนรับ
27 พฤษภาคม 2563     |      256
Gina
Ginaจีน่าJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Gina, Gina, I kissed you once and then I felt so wonderful, so very wonderful Let's do it over again Gina (Gina), Gina (Gina), I can't remember when I've ever felt a kiss that made me feel like thisจีน่า จีน่า ผมจูบคุณครั้งหนึ่ง และแล้วผมรู้สึกวิเศษมาก วิเศษมากจริงๆขอให้เราทำอีกครั้งหนึ่งตั้งแต่แรกเถอะนะจีน่า (จีน่า จีน่า จีน่าผมจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ผมมีความรู้สึกถึงการจูบนั้นเสมอ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกเช่นนี้Let's do it over again Look at you, oh, look at you So warm, so sweet, so shy Look at me, oh, look at me I can't believe that I'm such a lucky guyขอให้เราทำอีกครั้งหนึ่งตั้งแต่แรกเถอะนะมองดูที่คุณซิ โอ้...มองดูที่คุณซิอบอุ่นมาก น่ารักมาก และเอียงอายมากมองดูที่ผมซิ โอ้...มองดูที่ผมซิผมไม่น่าเชื่อเลยว่า ผมเป็นชายหนุ่มที่ช่างโชคดีอะไรเช่นนั้นTo have Gina, Gina all for my very own It's much too wonderful, so very wonderful To know that Gina is mine alone Oh, look at you, oh, look at you So warm, so sweet, so shyที่ได้จีน่า จีน่าเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นมันวิเศษมากๆ วิเศษมากจริงๆที่รู้ว่าจีน่าเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวโอ้...มองดูที่คุณซิ โอ้...มองดูที่คุณซิอบอุ่นมาก น่ารักมาก และเอียงอายมากLook at me, oh, look at me I can't believe that I'm such a lucky guy To have Gina (Gina), Gina (Gina) all for my very own It's much too wonderful, so very wonderful To know that Gina is mine (Gina is mine) Gina is mine aloneมองดูที่ผมซิ โอ้...มองดูที่ผมซิผมไม่น่าเชื่อเลยว่า ผมเป็นชายหนุ่มที่ช่างโชคดีอะไรเช่นนั้นที่ได้จีน่า (จีน่า จีน่า จีน่า เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นมันวิเศษมากๆ วิเศษมากจริงๆที่รู้ว่าจีน่าเป็นของผม (จีน่าเป็นของผมจีน่าเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวVocabulary Itemsbelieve (v) = เชื่อguy (n) = ชายหนุ่มI'm such a lucky guy. = ผมเป็นชายหหนุ่มที่ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้kiss (v) = จูบ จุมพิตLet's do it over again. = ขอให้เราทำอีกครั้งหนึ่งตั้งแต่แรกเถอะlucky (adj) = โชคดีonce (adv) = ครั้งหนึ่งremember (v) = จดจำshy (adj) = เอียงอาย ขี้อายsweet (adj) = น่ารัก หวานto be mine alone = เป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวwarm (adj) = อบอุ่นwonderful (adj) = วิเศษ มหัศจรรย์
27 พฤษภาคม 2563     |      189
For All We Know
For All We Knowสำหรับทุกอย่างที่เรารู้The Carpentersแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love, look at the two of us Strangers in many ways We've got a lifetime to share So much to say and as we go from day to dayความรัก ดูที่เราสองคนซิ เป็นคนแปลกหน้าในหลาย ๆ อย่าง เรามีช่วงชีวิตนาวนานที่จะอยู่ร่วมกัน มากเกินกว่าที่จะพูดและในขณะที่ชีวิตเราดำเนินไปในแต่ละวัน I'll feel you close to me But time alone will tell Let's take a lifetime to say I knew you wellฉันจะรู้สึกว่าคุณอยู่ใกล้ฉัน แต่เวลาอย่างเดียวจะบอก ขอให้เราใช้เวลาตลอดชีวิตในการพูดเรื่องนี้ ฉันรู้จักคุณดี For only time will tell us so And love may grow for all we know Love, look at the two of us Strangers in many waysเพียงเวลาเดียวเท่านั้นที่จะบอกเราได้เช่นนั้น และความรักอาจพัฒนาสำหรับทุกสิ่งที่เรารู้ ความรัก ดูที่เราสองคนซิ เป็นคนแปลกหน้าในหลาย ๆ อย่างLet's take a lifetime to say I knew you well For only time will tell us so And love may grow for all we knowขอให้เราใช้เวลาตลอดชีวิตในการพูดเรื่องนี้ ฉันรู้จักคุณดี เพียงเวลาเดียวเท่านั้นที่จะบอกเราได้เช่นนั้น และความรักอาจพัฒนาสำหรับทุกสิ่งที่เรารู้ Vocabulary Itemsalone (adj) = เท่านั้นclose (adj) = ใกล้ชิดfrom day to day = ในแต่ละวัน จากวันหนึ่งไปสู่อีกวันหนึ่งgrow (v) = เจริญเติบโต พัฒนาlifetime (n) = ช่วงชีวิต ระยะเวลาตลอดชีวิตshare (v) = แบ่งปัน ใช้ร่วมกันso much to say = มากเกินกว่าที่จะพูดstranger (n) = คนแปลกหน้าwell (adv) = เป็นอย่างดี
27 พฤษภาคม 2563     |      465
I Wanna Be Your Lover
I Wanna Be Your Lover (ผมต้องการเป็นคนรักของคุณThe Cascadesแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์You don't know the way I feel, oh no Well, you think we're just friends So I go along like nothing's wrong But I know that is only pretenseคุณไม่รู้สึกว่าผมอย่างนั้นหรอก โอ้...ไม่รู้อ้า...คุณคิดว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันดังนั้นผมจึงทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติแต่ผมรู้ว่านั่นเป็นเพียงการแสร้งทำเท่านั้น[1] I wanna be your lover (I wanna be your lover) I don't wanna be your friend (Don't wanna be your friend)ผมต้องการเป็นคนรักของคุณผมต้องการเป็นคนรักของคุณ)ผมไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับคุณ)Well I don't know what to tell you, oh no I just can't find the words ‘Cause there's so many things That I wanna say But I just don't know where to beginอ้า...ผมไม่รู้จะบอกอะไรแก่คุณดี โอ้...ไม่รู้ผมเพียงแต่หาถ้อยคำไม่ได้เพราะว่ามีหลายสิ่งมากที่ผมอยากจะพูดแต่ว่า ผมเพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนดี[1]You don't know just how much I love you Though it's easy to see ‘Cause if you knew how much I love you And maybe someday, well you might love meผมเพียงไม่รู้ว่าผมรักคุณมากเพียงไหนแม้ว่ามันเป็นการง่ายที่จะมองเห็นเพราะว่า ถ้าคุณรู้ว่าผมรักคุณมากเท่าใดและอาจจะสักวันหนึ่ง อ้า...คุณอาจจะรักผมก็ได้So I hope in time you'll love me, oh yeah Love me as I love you But if this can't be, I'd rather see The whole thing come to an endดังนั้น ผมหวังว่า คุณจะรักผมทันตามเวลา โอ้...ใช่แน่เลยรักผมอย่างที่ผมรักคุณแต่ถ้าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ ผมอยากจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างถึงจุดอวสาน[1]Vocabulary Itemsfeel (v) = รู้สึกgo along (v) = ดำเนินชีวิตไปด้วยกันpretense (n) = การแสร้งทำwanna = want toword (n) = ถ้อยคำmaybe (adv) = อาจจะ อาจเป็นไปได้someday (n) = วันใดวันหนึ่งYou might love me. = คุณอาจจะรักผมก็ได้in time (adv) = ทันเวลา ตามเวลาที่กำหนดwhole (adj) = ทั้งหมดcome to an end = ถึงจุดอวสาน
27 พฤษภาคม 2563     |      1145
I’m Ready If You’re Willing
I’m Ready If You’re Willingผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจJohnny Hortonแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์There's a big bright moon above and the night's just made for love Baby I'm ready if you're willing If that twinkle in your eye is a darin' me to try baby I'm ready if you're willingมีดวงจันทร์ขนาดใหญ่ส่องสว่างอยู่ด้านบน และกลางคืนมีเพื่อความรักเท่านั้นที่รัก ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจถ้าประกายนั้นในดวงตาของคุณเป็นการท้าทายผมให้ทดลอง ที่รัก ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจ[1] Baby can't you see I'm waitin' for you to make up your mind There's no use in hesitatin' can't you see we're wasting time Don't you think that love is grand let me be your lover man Baby I'm ready if you're willingที่รัก คุณเห็นไหมว่าผมกำลังรอคอยการตัดสินใจของคุณไม่มีประโยชน์ที่จะรีรอ คุณไม่เห็นหรือว่าเรากำลังเสียเวลาคุณไม่คิดหรือว่า ความรักเป็นสิ่งวิเศษ ขอให้ผมเป็นคนรักของคุณเถอะนะที่รัก ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจI like the way you smile would you like to spoon awhile Baby I'm ready if you're willing And I like the way you kiss ooh let's go on like this baby I'm ready if you're willingผมชอบวิธีการยิ้มของคุณ คุณอยากให้มีการจูบและกอดรัดสักหน่อยไหมที่รัก ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจและผมชอบวิธีที่คุณจูบ โอ้...ขอให้เราดำเนินการเช่นนี้ต่อไปเถอะที่รัก ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจ[1] x 2Vocabulary Itemsabove (prep) = เบื้องบน ข้างบนawhile (adv) = สักระยะหนึ่งbright (adj) = สว่างdare (v) = ท้าทายgrand (adj) = วิเศษ ยอดเยี่ยมhesitate (v) = รีรอ ไม่กล้าตัดสินใจI'm ready if you're willing. = ผมพร้อมแล้วหากว่าคุณเต็มใจlover man (n) = ชายคนรักmake up your mind = ตัดสินใจno use = ไม่มีประโยชน์ready (adj) = พร้อมเพียง เตรียมพร้อมsmile (v) = ยิ้มspoon (v) = จูบและกอดรัดThe night's just made for love. = กลางคืนมีเพื่อความรักเท่านั้นtry (v) = พยายาม ทดลองtwinkle (v) = มีแสงระยิบระยับ มีประกายwaste time = เสียเวลาWilling (adj) = เต็มใจ
26 พฤษภาคม 2563     |      248
I Wish You Love _ Engelbert Humperdinck
I Wish You Love ผมภาวนาขอให้คุณมีความรักEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Goodbye, no use leading with our chinsThis is where our story endsNever lovers, ever friendsGoodbye, let our hearts call it a dayลาก่อน ไม่มีประโยชน์ที่เราทำการอย่างสุ่มเสี่ยง            นี่คือจุดจบของเรื่องของเรา            ไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไป เคยเป็นเพื่อนกัน            ลาก่อน ขอให้หัวใจของถือว่าสิ้นสุดกันแล้วBut before you walk awayI sincerely want to sayI wish you bluebirds in the springTo give your heart a song to singแต่ก่อนที่คุณจะเดินหนีจากไป            ผมต้องการพูดอย่างจริงใจ            ผมขอภาวนาให้คุณจงมีเหล่านกสีน้ำเงินในฤดูใบไม้ผลิ            เพื่อให้บทเพลงแก่หัวใจของคุณได้ขับร้องAnd then a kiss but more than thisI wish you loveAnd in July a lemonadeTo cool you in some leafy gladeและให้รอยจูบแก่คุณ แต่นอกเหนือจากนี้            ผมภาวนาขอให้คุณมีความรัก            และในเดือนกรกฎาคมขอให้คุณมีน้ำมะนาว            เพื่อให้คุณรู้สึกเย็นในที่โล่งของป่าที่มีใบไม้มากI wish you health but more than wealthI wish you loveMy breaking heart and I agreeThat you and I could never beผมภาวนาขอให้คุณมีสุขภาพดี แต่นอกเหนือจากทรัพย์สมบัติผมภาวนาขอให้คุณมีความรักหัวใจที่แตกสะลายของผมและตัวผมเห็นพร้องกันว่าคุณและผมไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้เลย[1] So with my best my very bestI set you freeI wish you shelter from the stormA cozy fire to keep you warmBut most of allWhen snowflakes fallI wish you loveดังนั้น ด้วยความปรารถนาดีที่สุด ดีที่สุดจริงๆของผมผมปล่อยให้คุณเป็นอิสระผมภาวนาขอให้คุณมีที่พักอาศัยพ้นภัยจากลมพายุมีเตาผิงไฟที่สะดวกสบายเพื่อทำให้คุณอบอุ่นแต่ในท้ายที่สุดเมื่อมีเกล็ดหิมะตกผมภาวนาขอให้คุณมีความรัก[1]Vocabulary Itemsagree (v) = เห็นพร้องกันbluebird (n) = นกสีน้ำเงินขนาดเล็ก มีนิสัยชอบส่งเสียงร้องbreaking heart (n) = หัวใจที่แตกสะลายcall it a day = ถือว่าสิ้นสุดกันแล้ว ถือว่าจบสิ้นแล้วcool (v) = ทำให้เย็นcozy (adj) = มีความรู้สึกสบายglade (n) = ที่โล่งในป่าgoodbye (v) = ลาก่อนhealth (n) = สุขภาพleafy (adj) = มีใบไม้มากlemonade (n) = น้ำมะนาวผสมน้ำหวานno use (n) = ไม่มีประโยชน์shelter (n) = ที่พักอาศัยsincerely (adv) = อย่างจริงใจsnowflake (n) = ละอองหิมะ เกล็ดหิมะspring (n) = ฤดูใบไม้ผลิstorm (n) = พายุwalk away (v) = เดินจากไป เดินหนีไปwealth (n) = ทรัพย์สมบัติExpressionsI set you free. = ผมปล่อยให้คุณเป็นอิสระI wish you love. = ผมภาวนาขอให้คุณมีความรักleading with our chins = ที่เราทำการอย่างสุ่มเสี่ยงSo with my best, my very best = ดังนั้น ด้วยความปรารถนาดีที่สุด ดีที่สุดจริงๆของผมGrammarHow to Use 'Wish'ใช้Wishes แสดงความปรารถนาในเรื่องปัจจุบันหรืออนาคต ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + past simple: เราใช้ wish เพื่อแสดงความปรารถนาอยากให้เหตุการณ์บางอย่างแตกต่างจากปัจจุบัน หรืออนาคต เมื่อเหตุการณ์นั้นไม่สามารถเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก เช่นI wish that I had a big house (I don't have a big house, but it's a nice idea!).I wish that we didn't need to work today (we do need to work today, unfortunately).'I wish I were rich (or 'I wish I was rich. ในภาษาพูดอย่างไม่เป็นทางการI wish that I could speak Spanish (but, unfortunately, I can't speak Spanish).I wish that I could drive (I can't drive).I wish that we could go to the party tonight (unfortunately, we're busy so we can't go).ใช้Wishes แสดงความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ควรจะทำ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + would:เช่นI wish that the neighbors would be quiet! (They are not quiet and I don't like the noise.)I wish that you wouldn't smoke so much! (You do smoke a lot and I don't like it. I want you to change this.)I wish that you wouldn't work late so often.I wish that it would stop raining!ใช้Wishes แสดงความปรารถนาอยากให้บางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตเป็นอย่างอื่น ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + past perfect:เช่นI wish that I had studied harder at school. (I didn't study hard at school, and now I'm sorry about it.)I wish that I hadn't eaten so much yesterday! (But I did eat a lot yesterday. Now I think it wasn't a good idea.)I wish that the train had been on time. (But unfortunately the train was late, and so I missed my interview.)ใช้Wishes ในความหมายว่า อยากจะหรือปรารถนาให้มีหรือ ภาวนาขอให้มีในภาษาที่เป็นทางการ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + to + infinitive:เช่นI wish to speak to the Dean. (This means the same as 'I would like to speak to the Dean'.)I wish to go now. 2.  Wish + object + to + infinitive:เช่นI do not wish you to publish this article.I wish these people to leave. 3. Wish + somebody + something:เช่นI wished him a happy birthday.They wished us Merry Christmas.I wish you love.
26 พฤษภาคม 2563     |      181
I Wish You Love _Ken Dodd
I Wish You Love ผมภาวนาขอให้คุณมีความรักKen Doddแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Goodbye, no use leading with our chinsThis is where our story endsNever lovers, ever friendsGoodbye, let our hearts call it a dayลาก่อน ไม่มีประโยชน์ที่เราทำการอย่างสุ่มเสี่ยง            นี่คือจุดจบของเรื่องของเรา            ไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไป เคยเป็นเพื่อนกัน            ลาก่อน ขอให้หัวใจของถือว่าสิ้นสุดกันแล้วBut before you walk awayI sincerely want to sayI wish you bluebirds in the springTo give your heart a song to singแต่ก่อนที่คุณจะเดินหนีจากไป            ผมต้องการพูดอย่างจริงใจ            ผมขอภาวนาให้คุณจงมีเหล่านกสีน้ำเงินในฤดูใบไม้ผลิ            เพื่อให้บทเพลงแก่หัวใจของคุณได้ขับร้องAnd then a kiss but more than thisI wish you loveAnd in July a lemonadeTo cool you in some leafy gladeและให้รอยจูบแก่คุณ แต่นอกเหนือจากนี้            ผมภาวนาขอให้คุณมีความรัก            และในเดือนกรกฎาคมขอให้คุณมีน้ำมะนาว            เพื่อให้คุณรู้สึกเย็นในที่โล่งของป่าที่มีใบไม้มากI wish you health but more than wealthI wish you loveMy breaking heart and I agreeThat you and I could never beผมภาวนาขอให้คุณมีสุขภาพดี แต่นอกเหนือจากทรัพย์สมบัติผมภาวนาขอให้คุณมีความรักหัวใจที่แตกสะลายของผมและตัวผมเห็นพร้องกันว่าคุณและผมไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้เลย[1] So with my best my very bestI set you freeI wish you shelter from the stormA cozy fire to keep you warmBut most of allWhen snowflakes fallI wish you loveดังนั้น ด้วยความปรารถนาดีที่สุด ดีที่สุดจริงๆของผมผมปล่อยให้คุณเป็นอิสระผมภาวนาขอให้คุณมีที่พักอาศัยพ้นภัยจากลมพายุมีเตาผิงไฟที่สะดวกสบายเพื่อทำให้คุณอบอุ่นแต่ในท้ายที่สุดเมื่อมีเกล็ดหิมะตกผมภาวนาขอให้คุณมีความรัก[1]Vocabulary Itemsagree (v) = เห็นพร้องกันbluebird (n) = นกสีน้ำเงินขนาดเล็ก มีนิสัยชอบส่งเสียงร้องbreaking heart (n) = หัวใจที่แตกสะลายcall it a day = ถือว่าสิ้นสุดกันแล้ว ถือว่าจบสิ้นแล้วcool (v) = ทำให้เย็นcozy (adj) = มีความรู้สึกสบายglade (n) = ที่โล่งในป่าgoodbye (v) = ลาก่อนhealth (n) = สุขภาพleafy (adj) = มีใบไม้มากlemonade (n) = น้ำมะนาวผสมน้ำหวานno use (n) = ไม่มีประโยชน์shelter (n) = ที่พักอาศัยsincerely (adv) = อย่างจริงใจsnowflake (n) = ละอองหิมะ เกล็ดหิมะspring (n) = ฤดูใบไม้ผลิstorm (n) = พายุwalk away (v) = เดินจากไป เดินหนีไปwealth (n) = ทรัพย์สมบัติExpressionsI set you free. = ผมปล่อยให้คุณเป็นอิสระI wish you love. = ผมภาวนาขอให้คุณมีความรักleading with our chins = ที่เราทำการอย่างสุ่มเสี่ยงSo with my best, my very best = ดังนั้น ด้วยความปรารถนาดีที่สุด ดีที่สุดจริงๆของผมGrammarHow to Use 'Wish'ใช้Wishes แสดงความปรารถนาในเรื่องปัจจุบันหรืออนาคต ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + past simple: เราใช้ wish เพื่อแสดงความปรารถนาอยากให้เหตุการณ์บางอย่างแตกต่างจากปัจจุบัน หรืออนาคต เมื่อเหตุการณ์นั้นไม่สามารถเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก เช่นI wish that I had a big house (I don't have a big house, but it's a nice idea!).I wish that we didn't need to work today (we do need to work today, unfortunately).'I wish I were rich (or 'I wish I was rich. ในภาษาพูดอย่างไม่เป็นทางการI wish that I could speak Spanish (but, unfortunately, I can't speak Spanish).I wish that I could drive (I can't drive).I wish that we could go to the party tonight (unfortunately, we're busy so we can't go).ใช้Wishes แสดงความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ควรจะทำ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + would:เช่นI wish that the neighbors would be quiet! (They are not quiet and I don't like the noise.)I wish that you wouldn't smoke so much! (You do smoke a lot and I don't like it. I want you to change this.)I wish that you wouldn't work late so often.I wish that it would stop raining!ใช้Wishes แสดงความปรารถนาอยากให้บางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตเป็นอย่างอื่น ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + (that) + past perfect:เช่นI wish that I had studied harder at school. (I didn't study hard at school, and now I'm sorry about it.)I wish that I hadn't eaten so much yesterday! (But I did eat a lot yesterday. Now I think it wasn't a good idea.)I wish that the train had been on time. (But unfortunately the train was late, and so I missed my interview.)ใช้Wishes ในความหมายว่า อยากจะหรือปรารถนาให้มีหรือ ภาวนาขอให้มีในภาษาที่เป็นทางการ ด้วยโครงสร้างประโยคดังนี้Wish + to + infinitive:เช่นI wish to speak to the Dean. (This means the same as 'I would like to speak to the Dean'.)I wish to go now. 2. Wish + object + to + infinitive:เช่นI do not wish you to publish this article.I wish these people to leave. 3. Wish + somebody + something:เช่นI wished him a happy birthday.They wished us Merry Christmas.I wish you love.
26 พฤษภาคม 2563     |      1261
Somewhere My Love _ Ray Conniff
Somewhere My Love ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ที่รักของผมRay Conniffแปลโดย รศ.ดร. สุพัฒน์  สุกมลสันต์Somewhere, my love, there will be songs to sing Although the snow covers the hopes of Spring Somewhere a hill blossoms in green and gold And there are dreams, all that your heart can hold Someday we'll meet again, my love Someday whenever the Spring breaks throughที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ที่รักของผม จะมีเพลงให้ร้องถึงแม้ว่า หิมะปกคลุมความหวังของฤดูใบไม้ผลิที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่เนินเขามีดอกไม้บานสีเขียวและสีทองและมีความฝัน มีทุกอย่างแล้วแต่หัวใจคุณสามารถใฝ่หาได้สักวันหนึ่ง เราก็จะได้พบกันอีก ที่รักของผมสักวันหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ฤดูใบไม้ผลิงามตระการตาYou'll come to me out of the long-ago Warm as the wind, soft as the kiss of snow Till then, my sweet, think of me now and then Godspeed, my love, till you are mine againคุณจะมาหาผมจากอดีตที่แสนยาวนานอบอุ่นดุจดังสายลม เบาดุจดังการจุมพิตของหิมะจนกว่าจะถึงตอนนั้น ที่รักของผม จงคิดถึงผมบ่อยๆโชคดีนะ ที่รักของผม จนกว่าคุณจะเป็นของผมอีกSomeday we'll meet again, my love I said "someday whenever that Spring breaks through"สักวันหนึ่งเราจะพบกันอีก ที่รักของผมผมพูดว่า “สักวันหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ฤดูใบไม้ผลิงามตระการYou'll come to me out of the long-ago Warm as the wind, and as soft as the kiss of snow Till then, my sweet, think of me now and then Godspeed, my love, till you are mine again!คุณจะมาหาผมจากอดีตที่แสนยาวนานอบอุ่นดุจดังสายลม เบาดุจดังการจุมพิตของหิมะจนกว่าจะถึงตอนนั้น ที่รัก จงคิดถึงผมบ่อยๆโชคดี ที่รัก จนกว่าคุณจะเป็นของผมอีกVocabulary Itemsalthough (conj) = ถึงแม้ว่าblossom (v) = ผลิดอกbreak through (v) = ผ่านพ้นอุปสรรค ประสบผลสำเร็จ งามตระการตาcover (v) = ปกคลุมdream (v, n) = ฝัน ความฝันgodspeed = good luck = โชคดีhill (n) = เนินเขาhold (v) = ยึดถือhope (v, n) = หวังว่า ความหวังkiss (v, n) = จูบ การจูบmine (pro) = ของฉัน ของผมmy love (n) = ที่รักmy sweet (n) = ที่รักnow and then (adv) = ตอนนี้และตอนนั้น บ่อยๆout of the long-ago = จากอดีตที่แสนยาวนานsnow (n) = หิมะsoft (adj) = เบาบาง อ่อนนุ่มsomeday (adv) = สักวันหนึ่งsomewhere (adv) = ที่ใดที่หนึ่งSpring (n) = ฤดูใบไม้ผลิthink of (v) = คิดถึงtill (adv) = จนกระทั่งtill then (adv) = จนกระทั่งถึงเวลานั้นwarm (adj) = อบอุ่นwhenever (adv) = เมื่อใดก็ตามwind (n) = ลม
26 พฤษภาคม 2563     |      207
I Knew You Were Trouble
I Knew You Were Trouble (ฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาTaylor Swiftแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์บทพูด I think - I think when it's all over, It just comes back in flashes, you know? It's like a kaleidoscope of memories. It just all comes back. But he never does. I think part of me knew the second I saw him that this would happen.ฉันคิด ฉันคิดว่าเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดแล้วความคิดมันแว๊บขึ้นมา คุณรู้ไหม?มันเหมือนกับกล้องคาไลโดสโคปของความทรงจำทุกอย่างมันกลับคืนมา แต่ว่าเขาไม่เคยกลับมาฉันคิดว่า ในส่วนของฉัน วินาทีที่ฉันพบเขา สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นIt's not really anything he said or anything he did, It was the feeling that came along with it. And the crazy thing is I don't know if I'm ever gonna feel that way again. But I don't know if I should. I knew his world moved too fast and burned too bright.จริงๆแล้วมันไม่ใช่อะไรที่เขาพูด หรืออะไรที่เขาทำมันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับสิ่งนั้นแต่สิ่งที่น่าหัวเราะก็คือฉันไม่รู้ว่าฉันจะมีความรู้สึกเช่นนั้นอีกหรือไม่และฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะเป็นเช่นนั้นไหมฉันรู้ว่าโลกของเขาหมุนไปรวดเร็วมากและเผาไหม้ไปอย่างโชติช่วงมากBut I just thought, how can the devil be pulling you toward someone who looks so much like an angel when he smiles at you? Maybe he knew that when he saw me. I guess I just lost my balance. I think that the worst part of it all wasn't losing him. It was losing me.แต่ฉันเพียงแค่คิดว่า ปีศาจสามารถดึงคุณเข้าไปหาคนบางคนที่มองดูเหมือนเทวดามากเมื่อเขายิ้มให้คุณได้อย่างไร?อาจเป็นไปได้ว่า เขารู้ว่าเมื่อเขาเห็นฉันฉันเดาว่าฉันคงจะเสียศูนย์ฉันคิดว่า ส่วนที่เลวร้ายที่สุดของมันคือการที่ไม่ได้สูญเสียตัวเขาไปมันเป็นการสูญเสียตัวฉันบทร้องOnce upon a time, a few mistakes ago I was in your sights, you got me alone You found me, you found me, you found me I guess you didn't care, and I guess I liked that And when I fell hard you took a step back Without me, without me, without meกาลครั้งหนึ่ง มีความผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้นฉันอยู่ในสายตาของคุณ คุณมีฉันคนเดียวคุณพบฉัน คุณพบฉัน คุณพบฉันฉันเดาว่าคุณไม่สนใจ และฉันคิดว่าฉันชอบเช่นนั้นและเมื่อฉันมีปัญหาหนัก คุณก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่มีฉัน โดยไม่มีฉัน โดยไม่มีฉันAnd he's long gone when he's next to me And I realize the blame is on meและเขาก็หายไปนานเมื่อเขาอยู่เคียงข้างฉันและฉันตระหนักรู้ว่าฉันได้รับการตำหนิ'Cause I knew you were trouble when you walked in So shame on me now Flew me to places I'd never been 'Til you put me down, oh I knew you were trouble when you walked in So shame on me now Flew me to places I'd never been Now I'm lying on the cold hard ground Oh, oh, trouble, trouble, trouble Oh, oh, trouble, trouble, troubleเพราะฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาดังนั้นตอนนี้สมน้ำหน้าฉันจงพาฉันบินไปยังสถานที่ที่ฉันไม่เคยไปจนกว่าคุณจะวางฉันลง โอ้...ฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาดังนั้นตอนนี้สมน้ำหน้าฉันจงพาฉันบินไปยังสถานที่ที่ฉันไม่เคยไปขณะนี้ฉันกำลังนอนบนพื้นดินที่แข็งและหนาวเย็นโอ้...โอ้...ปัญหา ปัญหา ปัญหาโอ้...โอ้...ปัญหา ปัญหา ปัญหาNo apologies. He'll never see you cry, Pretends he doesn't know that he's the reason why You're drowning, you're drowning, you're drowning Now I heard you moved on from whispers on the street A new notch in your belt is all I'll ever be And now I see, now I see, now I seeไม่มีคำขอโทษ เขาไม่เคยเห็นคุณร้องไห้แสร้งทำว่าเขาไม่รู้ว่าเขาคือตัวปัญหาว่าทำไมคุณกำลังจมน้ำ คุณกำลังจมน้ำ คุณกำลังจมน้ำตอนนี้ฉันได้ยินคุณเคลื่อนไหวจากเสียงกระซิบบนถนนรอยเว้าใหม่ในเข็มขัดของคุณคือทั้งหมดที่ฉันจะเป็นและตอนนี้ฉันเห็นแล้ว ตอนนี้ฉันเห็นแล้ว ตอนนี้ฉันเห็นแล้วHe was long gone when he met me And I realize the joke is on me, yeah!เขาได้จากไปนานเมื่อเขาพบฉันและฉันตระหนักรู้ว่าฉันได้รับการหัวเราะเยาะ ใช่เลย![1] I knew you were trouble when you walked in So shame on me now Flew me to places I'd never been 'Til you put me down, oh I knew you were trouble when you walked in So shame on me now Flew me to places I'd never been Now I'm lying on the cold hard ground Oh, oh, trouble, trouble, trouble Oh, oh, trouble, trouble, troubleฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาดังนั้นตอนนี้สมน้ำหน้าฉันจงพาฉันบินไปยังสถานที่ที่ฉันไม่เคยไปจนกว่าคุณจะวางฉันลง โอ้...ฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาดังนั้นตอนนี้สมน้ำหน้าฉันจงพาฉันบินไปยังสถานที่ที่ฉันไม่เคยไปขณะนี้ฉันกำลังนอนบนพื้นดินที่แข็งและหนาวเย็นโอ้...โอ้...ปัญหา ปัญหา ปัญหาโอ้...โอ้...ปัญหา ปัญหา ปัญหาAnd the saddest fear comes creeping in That you never loved me or her, or anyone, or anything, yeahและความกลัวที่น่าเศร้าที่สุดกำลังคืบคลานเข้ามาที่คุณไม่เคยรักฉันหรือเธอ หรือใครเลย หรือสิ่งใดเลย ใช่เลย![1]I knew you were trouble when you walked in Trouble, trouble, trouble I knew you were trouble when you walked in Trouble, trouble, troubleฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาปัญหา ปัญหา ปัญหาฉันรู้ว่าคุณคือปัญหาเมื่อคุณก้าวเข้ามาปัญหา ปัญหา ปัญหาบทพูดI don't know if you know who you are until you lose who you are.ฉันไม่รู้นะว่าคุณรู้หรือเปล่าว่า คุณคือใครจนกว่าคุณสูญเสียคนที่คุณเป็นอยู่Vocabulary Itemsangel (n) = นางฟ้า เทวดาapology (n) = คำขอโทษ การขอโทษbelt (n) = เข็มขัดbright (adj) = สว่างไสว แจ่มจ้า โชติช่วงburn (v) = เผาไหม้cold (adj) = เย็น เหยือกเย็นcrazy (adj) = บ้าๆบอๆ เพี้ยน เสียสติ บ้าคลั่ง น่าหัวเราะcreep (v) = คืบคลาน devil (n) = ปีศาจdrown (v) = จมน้ำfall hard (v) = มีปัญหาหนัก fear (n) = ความกลัวfly, flew, flown (v) = บินground (n) = พื้นดินguess (v) = เดา คาดการณ์hard (adj) = แข็งbad, worse, worst (adj) = เลวร้าย แย่joke (n) = การหัวเราะเยาะ เรื่องตลกขบขันkaleidoscope (n) = กล้องคาไลโดสโคปlie (v) = นอนlose, lost, lost (v) = สูญเสียmemory (n) = ความทรงจำmistake (n) = ความผิดพลาดmove on (v) = เคลื่อนไหว ดำเนินการต่อไปnotch (n) = รอยหยัก รอยบากonce upon a time = กาลครั้งหนึ่งpretend (v) = แสร้งทำ แกล้งทำput down (v) = วางลงrealize (v) = ตระหนักรู้reason (n) = เหตุผลsaddest (adj) = เศร้าที่สุดsecond (n) = วินาทีshame (n) = เรื่องน่าอับอาย shame on me. = สมน้ำหน้าฉันstreet (n) = ถนนtrouble (n) = ปัญหาwalk in (v) = ก้าวเข้ามาwhen it's all over = เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดแล้วwhisper (v, n) = กกระซิบ การกระซิบExpressionsI just lost my balance. = ฉันเพียงแต่เสียศูนย์ ควบคุมสติตัวเองไม่ได้I was in your sights. = ฉันอยู่ในสายตาของคุณ คุณมองเห็นฉันIt just comes back in flashes. = มันเพียงแต่แว๊บขึ้นมาIt was the feeling that came along with it. = มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับสิ่งนั้นtake a step back (v) = ถอยหลังหนี ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวThe blame is on me. = ฉันได้รับการตำหนิYou got me alone. = คุณมีฉันคนเดียว
26 พฤษภาคม 2563     |      555
Everybody Knows (We're Through)
Everybody Knows We're Throughทุกคนเขารู้ว่าเราเลิกกันแล้วEngelbert Humperdinckแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Wish they hadn't seen him walk away And heard me beg him stay Please stay Why, why did we choose this crowded placeอยากให้พวกเขาไม่เห็นเขาเดินจากไป และได้ยินผมขอร้องให้เขาอยู่ โปรดอยู่ ทำไม ทำไมเราถึงเลือกสถานที่มีคนมากมายThey all know it ‘Cause I show it in my face Everybody knows you said goodbye Everybody knows we're throughพวกเขาทั้งหมดรู้ เพราะผมแสดงออกทางสีหน้าของผม ทุกคนรู้ว่าคุณบอกลาแล้ว ทุกคนรู้ว่าเราเลิกกันแล้วNow they all can see the tears I cry Runnin' down my face for you They all said it's too good to be true He'll make a fool of youตอนนี้พวกเขาทุกคนสามารถเห็นน้ำตาที่ผมร้องไห้ ไหลลงใบหน้าของผมเพื่อคุณ พวกเขาทั้งหมดบอกว่ามันดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ เขาจะหลอกคุณ One day I just laughed and said our love was strong But you left me And they all know I was wrongวันหนึ่ง ผมแค่หัวเราะและบอกว่าความรักของเราแข็งแกร่ง แต่คุณทิ้งผมไป และพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าผมผิด Everybody knows you're tired of me Everybody knows we're through Though I'm on my own, I can't be free Baby, I just live for youทุกคนรู้ว่าคุณเบื่อหน่ายผม ทุกคนรู้ว่าเราเลิกกันแล้ว แม้ว่าผมอยู่ตามลำพัง แต่ผมก็ไม่สามารถเป็นอิสระได้ ที่รักผมมีชีวิตอยู่เพื่อคุณEverybody knows you said goodbye Everybody knows we're through Now they all can see the tears I cry Runnin' down my face for youทุกคนรู้ว่าคุณบอกลาแล้ว ทุกคนรู้ว่าเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้พวกเขาทุกคนสามารถเห็นน้ำตาที่ผมร้องไห้ ไหลลงใบหน้าของผมเพื่อคุณVocabulary Itemsbeg (v) = ขอร้องchoose (v) = เลือกcrowded (adj) = มีคนหนาแน่น มีคนอยู่มากfree (adj) = เป็นอิสระlaugh (v) = หัวเราะleave, left, left (v) = ละทิ้งstay (v) = อยู่ อาศัยอยู่tear (n) = น้ำตาtired of (adj) = รู้สึกเบื่อหน่ายto be through (v) = เลิกกันwalk away (v) = เดินหนีไป เดินจากไปwish (v) = อยาก ปรารถนา wrong (adj) = ผิดExpressionsBaby, I just live for you. = ที่รักผมมีชีวิตอยู่เพื่อคุณHe'll make a fool of you. = เขาจะหลอกคุณThey all said it's too good to be true. = พวกเขาทั้งหมดบอกว่ามันดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้to be on my own = อยู่ตามลำพังของผมเอง
25 พฤษภาคม 2563     |      280
Evergreen_Johnny Mathis
Evergreen (เขียวขจีตลอดปีJohnny Mathisแปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์  สุกมลสันต์Love soft as an easy chair Love fresh as the morning air One love that is shared by two I have found with youรักนุ่มนวลเหมือนกับเก้าอี้ท้าวแขน รักสดชื่นเหมือนกับอากาศตอนเช้า หนึ่งรักที่แบ่งปันกันโดยสองคน ผมได้พบแล้วกับคุณLike a rose under the April snow I was always certain love would grow Love ageless and evergreen Seldom seen by twoเหมือนดอกกุหลาบภายใต้หิมะของเดือนเมษายน ผมแน่นอนเสมอว่าความรักจะเจริญงอกงาม ความรักเป็นอมตะและเขียวขจีตลอดปี ไม่ค่อยได้เห็นโดยคนสองคนYou and I will make each night a first Every day a beginning Spirits rise and their dance is unrehearsed They warm and excite us, ‘cause we have the brightest loveคุณและผมจะทำให้ทุกคืนเป็นครั้งแรก ทุกวันเป็นการเริ่มต้น จิตใจสูงส่งขึ้นและการเต้นรำของจิตใจไม่ต้องมีการซักซ้อม จิตใจทำให้เราอบอุ่นและตื่นเต้นเพราะเรามีความรักที่สดใสที่สุดTwo lives that shine as one Morning glory and midnight sun Time we've learned to sail above Time won’t change the meaning of one love Ageless and ever evergreenสองชีวิตที่ส่องแสงเป็นหนึ่งเดียว ยามเช้าที่สดใสและพระอาทิตย์เที่ยงคืน เวลาที่เราเรียนรู้เพื่อแล่นเรือไปเหนือสายน้ำ เวลาจะไม่เปลี่ยนความหมายของความรักเดียว อมตะและเขียวขจีตลอดปีVocabulary Itemsageless (adj) = อมตะ ไม่มีอายุสิ้นสุดbrightest (adj) = สดใสที่สุดcertain (adj) = แน่นอนchange (v) = เปลี่ยนแปลงeasy chair (n) = เก้าอี้ท้าวแขนevergreen (adj) = เขียวขจีตลอดปีexcite (v) =ทำให้ตื่นเต้นfresh (adj) = สดชื่นglory (n) = ความสดใส ความโชติช่วงmidnight (n) = เวลาเที่ยงคืนsail (v) = แล่นเรือSeldom (adv) = ไม่ค่อยได้เห็นหายาก นานๆครั้งshare (v) = แบ่งปัน ใช้ร่วมกันshine (v) = ส่องแสงsnow (n) = หิมะsoft (adj) = นุ่มนวลSpirit (n) = จิตใจ วิญญาณwarm (v) = ทำให้อบอุ่นExpressionsEvery day a beginning. = ทุกวันเป็นการเริ่มต้นทุกวันมีแต่สิ่งใหม่ๆTheir dance is unrehearsed. การเต้นรำของเขาไม่ต้องมีการซักซ้อมการเต้นรำทำได้ดีโดยไม่ต้องซักซ้อมYou and I will make each night a first. = คุณและผมจะทำให้ทุกคืนเป็นครั้งแรก เหมือนพบกันครั้งแรก
25 พฤษภาคม 2563     |      203
ทั้งหมด 42 หน้า