The Twelfth of Never (ชั่วนิรันดร)
Johnny Mathis
แปลโดย รศ.ดร.สุพัฒน์ สุกมลสันต์
You ask how much I need you, must I explain?
I need you, oh my darling, like roses need rain.
You ask how long I'll love you; I'll tell you true:
Until the twelfth of never, I'll still be loving you.
คุณถามว่าผมต้องการคุณมากสักเท่าใด ผมจะต้องอธิบายไหม?
ผมต้องการคุณ โอ้ ที่รักของผม เหมือนดั่งกุหลาบต้องการน้ำฝน
คุณถามว่าผมจะรักคุณนานสักเท่าใด ผมจะบอกความจริงกับคุณว่า
จวบจนนิรันดร ผมก็ยังจะรักคุณ
Hold me close, never let me go.
Hold me close, melt my heart like April snow.
จงกอดผมไว้ให้แนบชิด อย่าปล่อยผมไปเลย
จงกอดผมไว้ให้แนบชิด ทำให้ดวงใจของผมหลอมละลายเหมือนดั่งหิมะในเดือนเมษายน
I'll love you till the bluebells forget to bloom;
I'll love you till the clover has lost its perfume.
I'll love you till the poets run out of rhyme,
Until the twelfth of never and that's a long, long time.
ผมจะรักคุณจนกระทั่งดอกบลูเบลลืมบาน
ผมจะรักคุณจนกระทั่งดอกโคลฟเว่อร์หมดกลิ่นแล้ว
ผมจะรักคุณจนกระทั่งนักประพันธ์หาถ้อยคำมาเขียนไม่ได้
จวบจนนิรันดร และนั่นก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก
Hold me close, never let me go.
Hold me close, melt my heart like April snow.
จงกอดผมไว้ให้แนบชิด อย่าปล่อยผมไปเลย
จงกอดผมไว้ให้แนบชิด ทำให้ดวงใจของผมหลอมละลายเหมือนดั่งหิมะในเดือนเมษายน
I'll love you till the bluebells forget to bloom;
I'll love you till the clover has lost its perfume.
I'll love you till the poets run out of rhyme,
Until the twelfth of never and that's a long, long time.
ผมจะรักคุณจนกระทั่งดอกบลูเบลลืมบาน
ผมจะรักคุณจนกระทั่งดอกโคลฟเว่อร์หมดกลิ่นแล้ว
ผมจะรักคุณจนกระทั่งนักประพันธ์หาถ้อยคำมาเขียนไม่ได้
จวบจนนิรันดร และนั่นก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก
Until the twelfth of never and that's a long, long time.
จวบจนนิรันดร และนั่นก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก
*************************************************
Vocabulalry Items
- blue bells (n) ดอกระฆังน้ำเงิน
- clover (n) ดอกโคลฟเวอร์
- poet (n) นักประพันธ์
- bloom (v) ออกดอก
- perfume (n) กลิ่นหอม
- rhyme (n) คำสัมผัส
- ดอกบลูเบลล์ (Blue Bell) เป็นดอกไม้ทรงระฆังคว่ำสีน้ำเงินม่วงบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิในประเทศเขตหนาวมีถิ่นกำเนิดในที่ราบสูงตามเทือกเขาในทวีปอเมริกาและยุโรป เป็นพืชป่าที่มีขนาดเล็ก ชอบสภาพอากาศที่ดี ดอกมีขนาดเล็กและเกิดเป็นพวง 5-8 ดอก บลูเบลล์เป็นพืชที่เกิดเป็นกลุ่ม จึงทำให้บริเวณที่มีดอกบลูเบลล์นั้นกลายเป็นทุ่งบลูเบลล์สีน้ำเงินม่วงสวยงาม
ดอกบลูเบลล์หมายถึง ความซื่อสัตย์ และ ความจงรักภักดี (Faithfulness, Royalty)
- ดอกโคลฟเวอร์ (Clover) เป็นดอกไม้ป่าตระกูลถั่วที่มีหลายสี เช่น แดง ขาว มีใบกลุ่ม 3 ใบ ดังนั้น หากว่าใครพบดอกไม้ชนิดนี้มี 4 ใบอยู่ด้วยกันแสดงว่าโชคดี ดอกไม้ ลำต้น และหัวของมันมีการนำไปใช้เป็นยารักษาโรคหลายชนิด เช่น ลด cholesterolควบคุมอาการร้อนหนาวสำหรับหญิงที่เข้าสู่วัยทอง (hot flashes) รักษาโรคมะเร็ง โรคไอ และทางเดินหายใจ (whooping cough, cough, asthma, bronchitis) เป็นต้น
ดอก Clover มีความหมายว่า
Four-leaf clover = lucky, be mine
Red clover = industry
White clover = I promise, Think of me.
Expressions
- The blue bells forget to bloom. ดอกบลูเบลลืมบาน (ลืมออกดอก)
- The clover has lost its perfume. ดอกโคลฟเว่อร์หมดกลิ่นแล้ว (ไม่มีกลิ่นแล้ว)
- The poets run out of rhyme. นักประพันธ์หาถ้อยคำมาเขียนไม่ได้
- Until the twelfth of never. จวบจนนิรันดร
The Twelfth of Never (เวลานิรันดร์)
The Twelfth of Never (เวลานิรันดร์) คือเวลาที่ไม่มีจริงในอนาคต ดังนั้น เมื่อไม่มีเวลาดังกล่าว จึงจะไม่มีวันที่จะผ่านพ้นเวลาดังกล่าวได้ ปัญหาก็คือ ทำไมจะต้องเป็น ที่ 12 (The Twelfth)?
เลข 12 เป็นเลขที่เกี่ยวข้องทางศาสนาและความเชื่อของคนตะวันตกมาก เพราะเชื่อว่าเลข 12 เกี่ยวข้องกับชีวิต ความจริง เวลา และการวัด เช่น
- 1 รอบจักราศี (Zodiac) มี 12 ปี
- 1 ปี มี 12 เดือน
- 1 วัน มีเวลากลางวันและกลางคืนอย่างละ 12 ชั่วโมง
- มีชนเผ่าโบราณใน Israel 12 ชนเผ่า
- เด็กคือคนอายุ 1-12 ปี
- 1 โหลมี 12 ชิ้น
- 1 ฟุตมี 12 นิ้ว
- 1 Shilling = 12 Penny
- 1 Gross (กุรุส) = 12 x 12 ชิ้น
- Christmas มี 12 วัน (25 ธันวาคม ถึง 5 มกราคม)
- King Arthur ประชุมโต๊ะกลมมีอัศวิน 12 คน
- Shakespeare เขียน Twelfth Night (อาหรับราตรี)
- Hercules มีภาระที่ต้องทำ 12 อย่าง
- ประตูสวรรค์มี 12 ประตู
ดังนั้น The Twelfth of Never จึงเกี่ยวข้องกับเวลา เช่นเดียวกับ The Twelfth of January (วันที่ 12 มกราคม) แต่ Never เป็นเวลาที่ไม่เกิดขึ้น จึงเป็นช่วงเวลานิรันดร์
นอกจากนี้ มีคำอธิบายอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ ที่ว่า ในสมัยโบราณการนับเวลานับ1-11 เพราะกลางวันหรือกลางคืนมีเพียง 12 ชั่วโมง ดังนั้น 12 จึงเป็นจำนวนเต็ม ถ้าเวลา 12:30 ก็จะพูดว่า oh-thirty หรือ ought-thirty ต่อมาในสมัย Pope Leo IV จึงเปลี่ยนให้เรียกว่า twelfth-thirty เพื่อให้เข้าใจง่าย ด้วยเหตุนี้คำว่า The Twelfth of Never จึงหมายถึงเวลาที่ไม่เกิดขึ้น จึงเป็นช่วงเวลานิรันดร์
Grammar
- Present Perfect Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์) เพื่อใช้บ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แล้วยังเกิดติดต่อกันเรื่อยมาถึงปัจจุบัน เช่น
- The clover has lost its perfume.ดอกโคลฟเว่อร์หมดกลิ่นแล้ว (ไม่เหลือแม้แต่กลิ่น)
- Simple Present Tense (ปัจจุบันกาลอย่างง่าย) เพื่อใช้บ่งบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปกติ เช่น
- The bluebells forget to bloom. ดอกบลูเบลลืมบาน
- The poets run out of rhyme. นักประพันธ์หาถ้อยคำมาเขียนไม่ได้
- ประโยคพูดทางอ้อม (Indirect Speech Sentence) ชนิดที่เป็นคำถาม ซึ่งจะมีรูปเป็นประโยคบอกเล่า (Statement) ไม่ใช่ประโยคคำถาม จึงไม่ต้องมีเครื่องหมาย Question Mark เช่น
- You ask (me) how much I need you. = She asks me, “How much do you love me?”
- You ask (me) how long I'll love you. = She asks me, “How long will you love me?”
- การใช้ Simile (อุปมา)และ Metaphor (อุปลักษณ์) เพื่อเปรียบเทียบความรู้สึกกับสิ่งอื่น ซึ่งมีข้อแตกต่าง ที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือ
Simile (อุปมา) จะใช้คำว่า Like หรือ As ที่แปลว่า ราวกับว่า ดุจดั่งว่า ประดุจดังหนึ่งว่า เป็นดั่ง เหมือนดั่ง เช่น
- He ran as fast as the wind. เขาวิ่งไวราวกับลม
- I need you like roses need rain. ผมต้องการคุณเหมือนดั่งกุหลาบต้องการฝน
- My love is likea red, red rose. รักของผมเป็นดั่งกุหลาบสีแดง
- Melt my heart like April snow. ทำให้หัวใจของผมละลายเหมือนดั่งหิมะในเดือนเมษายน
สำหรับ Metaphor (อุปลักษณ์) นั้นจะไม่มีคำว่า Like หรือ As แต่จะเปรียบโดยตรง เช่น
- Her home was a prison. บ้านของเธอคือคุก
- America is a melting pot. อเมริกาคือหม้อหลอม
- You are my sunshine. คุณคือแสงตะวันของผม
*************************************************************